| 
       
		
		ประวัติศาสตร์จังหวัดสระแก้ว 
		
		
		จังหวัดสระแก้วแม้ว่าจะเป็นจังหวัดตั้งใหม่เมื่อ ๑ ธันวาคม ๒๕๓๖ 
		แต่ในเขตพื้นที่ของจังหวัดสระแก้ว 
		มีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่บ่งบอกความเป็นมาของท้องถิ่น 
		ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๑ โดยเฉพาะแถบอรัญประเทศ ตาพระยา กิ่งอำเภอโคกสูง 
		อาณาเขตดังกล่าวได้พบจารึกสัมพันธ์  
		กับกษัตริย์องค์สำคัญในสมัยของเจนละคือพระเจ้าจิตรเสน 
		(มเหนทรวรมัน)
		และพระเจ้าอีสานวรมัน   (ผู้เป็นบุตรมเหนทรวรมัน)
		บรรดาจารึกที่เป็นโบราณวัตถุ ได้แก่ 
		
		๑.
		จารึกช่องสระแจง          
		ที่อำเภอตาพระยา        มีอายุระหว่าง พ.ศ.
		๑๑๕๙-๑๑๗๘ 
		
		๒.
		จารึกเขาน้อย              
		ที่อำเภออรัญประเทศ    มีอายุใน พ.ศ.
		๑๑๘๐ 
		
		๓.
		จารึกเขารัง                 
		ที่อำเภออรัญประเทศ    มีอายุใน พ.ศ.
		๑๑๘๒ 
		
		         และ ๔. 
		จารึกที่บ้านกุดแต้ที่อำเภออรัญประเทศ 
		ก็มีอายุไล่เลี่ยกับจารึกที่ได้กล่าวมาแล้ว 
		
		อนึ่ง 
		โบราณวัตถุสถาน เช่น ปราสาทเขาน้อยสีชมพู ซึ่งมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบ
		 
		
		สมโบร์ไพรคุด 
		และไพรกะเมง จึงทำให้เป็นที่เข้าใจได้ว่าในช่วงทรศตวรรษที่ ๑๑-๑๒
		"ชาวกัมพู" 
		ได้ขยายตัวจากอีสานประเทศทางใต้ 
		และรับวัฒนธรรมความเจริญจากชุมชนทางใต้เปิดตัวออกสู่อารย-ธรรมอินเดีย 
		แบบฮินดู ใช้ภาษาสันสกฤต และนับถือพระวิษณุ (ภาษาแขกฮินดู 
		เป็นภาษาที่สืบเนื่องจากภาษาสันสกฤต เริ่มมีภาษานี้ประมาณ พ.ศ.
		๑-๑๐๐ ใช้มาประมาณ ๒๐๐ ปี 
		ก็แปลงเป็นภาษา "บาลี") 
		
		
		ในสมัยของเจนละบก เจนละน้ำ ซึ่งมีความเจริญเติบโตระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๖ 
		ก็ได้เกิดอาณาจักรหนึ่งขึ้นมาควบคู่กับเจนละน้ำ คือ อาณาจักรทวารวดี 
		วัฒนธรรมทางทวารวดีได้ขยายออกไปยังภาคต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบของศิลป 
		ในด้านแถบตะวันออกวัฒนธรรมทวารวดีได้ขยายผ่านเมืองดงละคร จังหวัดนครนายก 
		เมืองพระรถ (พนัสนิคม) 
		จังหวัดชลบุรี เมืองศรีมโหสถ (โคกปีบและศรีมหาโพธิ์)
		จังหวัดปราจีนบุรี 
		และมุ่งเข้าสู่อรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว 
		สังคมของทวารวดีมีความหลากหลายทั้งในด้านประชากรเพราะมีประชากรเป็นชนชาติผสม 
		ประกอบด้วย มอญ ไต สยาม เป็นหลัก นอกเหนือจากจีน อินเดีย 
		มีอาชีพพื้นฐานทางเกษตรกรรม ใช้วัวไถนา และมีพุทธศาสนา 
		ที่เป็นพลังในการทะลุทะลวงความหลากหลายที่มีอยู่ในขณะนั้น 
		
		
		ในห้วงพุทธศตวรรษที่ ๑๒ 
		อยู่ในห้วงที่มีการผสมกลมกลืนระหว่างอาณาจักรเจนละน้ำกับ 
		ทวารวดีในเขตพื้นที่ของจังหวัดสระแก้ว ก็ได้พบแหล่งชุมชนโบราณ ดังนี้ 
		
		๑.
		อำเภออรัญประเทศ 
		ได้พบคูคันดินล้อมรอบ ๖ แห่ง ที่ตำบลท่าข้าม เมืองไผ่ หันทราย 
		 
		
		๒.
		อำเภอตาพระยา ได้พบคูคันดินล้อมรอบ 
		๓ แห่ง ที่ตำบลตาพระยา และปราสาทเขาโล้น 
		
		๓.
		กิ่งอำเภอโคกสูง ได้พบคูคันดิน ๑ 
		แห่ง และปราสาทสด๊กก๊อกธม 
		
		๔.
		อำเภอเมืองสระแก้ว ได้พบสระน้ำ 
		และคูคันดิน ๔ แห่งที่ตำบลท่าเกษม 
		
		๕.
		อำเภอวัฒนานคร ได้พบสระน้ำคูคันดิน 
		๓  แห่ง ที่ตำบลท่าเกวียน 
		
		
		แหล่งชุมชนดังกล่าว ตามประวัติศาสตร์ราชวงศ์ถังของจีนระบุว่า 
		ในพุทธศตวรรษที่ ๑๒ เจนละได้แตกออกเป็น ๒ ส่วน คือ เจนละบก และเจนละน้ำ 
		พื้นที่สำคัญของเจนละน้ำได้กลายเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรขอมเมืองนคร 
		(นครวัด 
		นครธม) ในเขมรค่ำ 
		และสามารถติดต่อกับเมืองต่างๆ ทางช่องเขาพนมดงเร็ก และบริเวณสระน้ำ บาราย 
		ที่เกิดขึ้นตามเขตอำเภอของจังหวัดสระแก้ว ดังที่       ได้กล่าวมาแล้ว 
		
		 สรุป 
		
		
		พื้นที่เป็นจังหวัดสระแก้วในปัจจุบัน ถ้าศึกษาจากตำนานพื้นเมือง ศิลาจารึก 
		จดหมายเหตุของจีน 
		(พุทธศตวรรษที่ ๘ ตรงกับสมัยสามก๊ก)
		ว่าดินแดนแถบนี้ในช่วงแรกๆ 
		จะอยู่ใต้อิทธิพลทางการเมืองของรัฐฟูนาน เมื่องรัฐฟูนานสลายไป 
		ก็กลายเป็นอาณาจักรเจนละ เจนละบก เจนละน้ำ และอาณาจักรของชาวกัมพูชา 
		แคว้นต่างๆ อาณาจักรทวารวดี ขยายอิทธิพลเข้ามาโดยเฉพาะพุทธศาสนา 
		ซึ่งได้นำอิทธิพลทางการเมืองและวัฒนธรรมแบบมอญเข้ามา 
		ซึ่งสำนักพิมพ์เมืองโบราณสรุปว่า "ทวารวดีก็คือรากฐานของการเป็นสยามประเทศนั่นเอง" 
		
		
		ชื่อจังหวัดสระแก้ว มี่ทีมาจากชื่อสระน้ำโบราณในพื้นที่อำเภอสระแก้ว 
		ซึ่งมีอยู่ ๒ สระ    ในสมัยกรุงธนบุรี ประมาณปี พ.ศ.
		๒๓๒๓ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช 
		เมื่อครั้งทรงเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกเป็นแม่ทัพยกไปตีประเทศกัมพูชา
		(เขมร) ได้แวะพักกองทัพ 
		ที่บริเวณสระแก้วทั้งสองแห่งนี้ กองทัพได้อาศัยน้ำจากสระใช้สอย 
		ได้ขนานนามสระทั้งสองว่า "สระแก้ว สระขวัญ"
		
		และได้นำน้ำจากสระทั้งสองแห่งนี้ใช้ในการประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา 
		โดยถือว่าเป็นน้ำบริสุทธ์ 
		
		
		สระแก้วเดิมมีฐานะเป็นตำบล 
		ซึ่งสมัยก่อนราชการได้ตั้งเป็นด่านสำหรับตรวจคนและสินค้าเข้า-ออก 
		มีข้าราชการตำแหน่งนายกองทำหน้าที่เป็นนายด่าน จนถึงปี พ.ศ.
		๒๔๕๒ ทางราชการจึงได้ยกฐานะขึ้นเป็นกิ่งอำเภอ ชื่อว่า
		"กิ่งอำเภอสระแก้ว" 
		ขึ้นอยู่ในการปกครองของอำเภอกบินทร์บุรีโดยใช้ชื่อสระน้ำเป็นชื่อกิ่งอำเภอมาจนถึงปัจจุบัน 
		ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม  ๒๕๐๑ ซึ่งได้มีพระราช-กฤษฎีกายกฐานะขึ้นเป็นอำเภอชื่อว่า
		"อำเภอสระแก้ว" 
		ขึ้นอยู่ในการปกครองของจังหวัดปราจีนบุรีและต่อมาเมื่อ ๑ ธันวาคม ๒๕๓๖ 
		ได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดสระแก้วขึ้น ประกาศในราชกิจจานุเบก-ษาฉบับพิเศษ 
		เล่มที่ ๑๑๐ ตอนที่ ๑๒๕ ลงวันที่ ๒ กันยายน ๒๕๓๖ 
		เป็นผลให้จังหวัดสระแก้วได้เปิดทำการในวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๓๖ 
		โดยเป็นจังหวัดที่ ๗๔ ของประเทศ  
		
		 ที่มา
		: 
		สำนักงานจังหวัดสระแก้ว 
       |