วัดถ้ำเสือ
ตั้งอยู่ที่ตำบลม่วงชุม อยู่ห่างจากเขื่อนแม่กลอง ประมาณ
5 กิโลเมตร
ทางเข้าวัดต้องผ่านตัวเขื่อนแม่กลอง แล้วจะมีป้ายบอกเลี้ยวขวาไปประมาณ 2
กิโลเมตรแล้วเลี้ยวซ้ายประมาณ 200
เมตร
วัดนี้มีพระพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่อยู่บนยอดเขามีพุทธลักษณะที่สวยงามมาก
และยังมีอุโบสถอัฏมุขเป็นลักษณะทรงไทยมีลวดลายสวยงามวิจิตรตระการตา ข้างๆ
มีเจดีย์เกศแก้วมหาปราสาท ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินหรือใช้ลิฟท์ขึ้นไปชมวิวทะเลสาบและเขื่อนแม่กลอง
หากพูดถึงแหล่งท่องเที่ยวประเภทวัดวาอารามในจังหวัดกาญจนบุรี
ในสายตาของใครหลายคนอาจจะดูสู้แหล่งท่องเที่ยวประเภทน้ำตก ป่าเขา เขื่อน
และสถานที่ทางประวัติศาสตร์ไม่ได้ แต่กระนั้นเมืองกาญจน์
ก็นับเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีวัดวาอารามน่ายลอยู่มากมาย ดังเช่น
2 วัด
ต่อไปนี้
วัดแรก คือ วัดถ้ำเขาน้อย
ต.ม่วงชุม อ.ท่าม่วง
ซึ่งเป็นวัดที่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมศิลปะแบบจีนที่สวยงามและโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยพื้นที่ที่ตั้งอยู่บนยอดเขา
วัดถ้ำเขาน้อยแห่งนี้ เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2426
โดยมีหลวงปู่แห้ง(กั๊กเง้ง) เป็นพระจีนมาพำนักเป็นรูปแรก
ต่อมามีพระจีนอีก 2 รูปมาปกครองดูแล
ต่อจากนั้นก็มีพระญวน คือพระอาจารย์เตี๊ยบถ่อมาพำนักปกครองดูแลเมื่อปี พ.ศ.2457
นับแต่นั้นมาก็มีพระสงฆ์ญวนอีกหลายรูปมาปกครองดูแลตามลำดับมาจนถึงพระอาจารย์กิจ
ตัยเฟือง ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสในปัจจุบัน
กรมศาสนาได้มาสำรวจสภาพวัดและได้ออกหนังสือรับรองสภาพวัดถ้ำเขาน้อยเป็นวัดฝ่ายอนัมนิกายโบราณอายุประมาณ
100 ปีเศษ
เมื่อเขาไปภายในวัดจะเจอกับพระศรีอริยเมตตรัย
ประดิษฐานเป็นพระประธานอยู่เบื้องหน้า ด้านข้างติดกับพระประธานมี เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย
เทพเจ้าแห่งโชคลาภ
ที่ผู้คนที่มายังวัดแห่งนี้จะนิยมขอพรในเรื่องของโชคลาภเงินทองกันเป็นจำนวนมาก
ด้านข้างของพระประธานทั้งสองด้านมีพระพุทธรูป 18
พระอรหันต์
ถัดจากพระประธาน
เดินเลยเข้าไปด้านข้างทั้งสองข้างจะมีบันไดค่อยๆคดเคี้ยวขึ้นไปยังด้านบน
ระหว่างทางมีจุดพักเป็นระยะๆ และมีรูปเคารพเทพเจ้าต่างๆ
เมื่อขึ้นไปถึงยังด้านบนยอดเขาวัดถ้ำเขาน้อยเป็นที่ตั้งของเก๋งจีน 7
ชั้น เปรียบได้กับสวรรค์ทั้ง 7 ชั้น
ด้านล่างสุดของเก๋งจีนนี้ประดิษฐานพระมหาโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร
เมื่อขึ้นบันไดไปยังชั้นถัดไปๆ ในแต่ละชั้นประดิษฐานพระพุทะรูปปางต่างๆ
จนถึงชั้นบนสุดคือชั้นที่ 7
เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
ที่สมเด็จพระสังฆราชในนิกายจีนของวัดมังกรประธานให้
ติดกับวัดถ้ำเขาน้อย คือ วัดถ้ำเสือ
(Wat Sua Cave) สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบไทย
จากคำบอกเล่าต่อๆกันมา วัดถ้ำเสือแห่งนี้เดิมเป็นเพียงสำนักสงฆ์เล็กๆ
อยู่ในถ้ำบนเขาซึ่งถือกำเนินมากว่า 100 ปี
แต่เดิมภายในถ้ำมีพระพุทะรูปศิลาแลงซึ่งชำรุดหักพังมากมาย
มีผู้บอกกล่าวกันต่อๆมาว่าพระพุทะรูปเหล่านั้นเกิดการชำรุดเนื่องจากถูกทหารพม่าทำลายเมื่อครั้งที่ได้ยกทัพผ่านมา
โดยใช้เส้นทางด่านพระเจดีย์ 3 องค์เป็นเส้นทางเดินทัพ
ในปี พ.ศ.2516
ได้มีการวางแผ่นฤกษ์สร้างหลวงพ่อชินน์ประทานพร หรือ พระพุทธชินราช
ประทับปางประทานพร ขนาดใหญ่สีทองอร่ามโดดเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขา
มีพุทธลักษณะที่สวยงามมาก ต่อมาในปี พ.ศ.2518
ได้สร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาท ซึ่งเป็นรอยพระพุทธบาทเบื้องซ้ายยาว 1.50
เมตร ลึก 2.50 เมตร มีน้ำซึมตลอดเวลา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ
พระราชทานวิสุงคามสีมา ในปี พ.ศ.2520
และในปีเดียวกันก็ได้จัดสร้างพระอุโบสถอัฏมุข หรือพระอุโบสถ 8
มุข เป็นลักษณะทรงไทยมีลวดลายสวยงามวิจิตร
ภายในพระอุโบสถมีภาพเล่าเรื่องราวพุทธประวัติ สำหรับพระอุโบสถ 8
มุขนี้ไม่มีที่ใดสร้าง แต่ที่วัดถ้ำเสือสร้างขึ้นด้วยมโนภาพ
ด้วยจิตสำนึกที่พระอรหันต์มาประชุมและกราบทูลพระพุทธเจ้าออกเผยแพร่พระพุทธศาสนาทั้ง
8 ทิศ
ต่อมา เมื่อปี พ.ศ.2527
ได้สร้างพระเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาท สูง 75 เมตร
ภายในโปร่งมี 9 ชั้น
มีบันไดเวียนสำหรับขึ้นไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุด้านบนยอดสุดของพระเจดีย์
ซึ่งสมเด็จพระสังฆราชเสด็จมาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ในปราสาทจุฬามณีบรมสารีริกธาตุ
ซึ่งประดิษฐานอยู่ที่ชั้นบนสุดของพระเจดีย์เกษแก้วมหาปราสาท เมื่อ พ.ศ.2533
ที่ผ่านมา
หากใครมีโอกาสแวะเวียนไปเมืองกาญจน์ก็อย่าลืมที่จะไปสักการะพระบรมธาตุกันได้ที่วัดถ้ำเขาน้อยและวัดถ้ำเสือ
ที่อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี