|
ต่างประทีปโกสุมประทุมเทียน |
จำนงเนียรนบบาทพระศาสดา |
| อันเป็นมิ่งโมลีสี่ทวีป |
ดังประทีปส่องทั่วทุกทิศา |
| ก็ล่วงลับดับไกลนัยนา |
สู่มหาห้องนิพพานสำราญรมย์ |
| ฉันชื่อภู่ผู้ประดิษฐ์คิดสนอง |
ขอประคองคุณใส่ไว้เหนือผม |
| ให้ประเสริฐเลิศล้ำด้วยคำคม |
โดยอารมณ์ดำริรักชักภิปราย |
|
ค ขอเจริญเรื่องตำรับฉบับสอน |
ชาวประชาราษฎรสิ้นทั้งหลาย |
| อันความชั่วอย่าให้มัวมีระคาย |
จะสืบสายสุริย์วงศ์เป็นมงคล |
| ผู้ใดเกิดเป็นสตรีอันมีศักดิ์ |
บำรุงรักกายไว้ให้เป็นผล |
| สงวนงามตามระบอบให้ชอบกล |
จึงจะพ้นภัยพาลการนินทา |
| เป็นสาวแส้แร่รวยสวยสะอาด |
ก็หมายมาดเหมือนมณีอันมีค่า |
| แม้แตกร้าวรานร่อยถอยราคา |
จะพลอยพาหอมหายจากกายนาง |
| อันตัวต่ำแล้วอย่าทำให้กายสูง |
ดูเยี่ยงยูงแววยังมีที่วงหาง |
| ค่อยเสงี่ยมเจียมใจจะไว้วาง |
ให้ต้องอย่างกิริยาเป็นนารี
ฯ |
|
ค จะนุ่งห่มดูพอสมศักดิ์สงวน |
ให้สมควรรับพักตร์ตามศักดิ์ศรี |
| จะผัดหน้าทาแป้งแต่งอินทรีย |
ดูฉวีผิวเนื้ออย่าเหลือเกิน |
| จะเก็บไรไว้ผมให้สมพักตร์ |
บำรุงศักดิ์ตามศรีมิให้เขิน |
| เป็นสุภาพราบเรียบแลเจริญ |
คงมีผู้สรรเสริญอนงค์ทรง |
| ใครเห็นน้องต้องนิยมชมไม่ขาด |
ว่าฉลาดแต่งร่างเหมือนอย่างหงส์ |
| ถึงรูปงามทรามสงวนนวลอนงค์ |
ไม่รู้จักแต่งทรงก็เสียงาม |
|
ค ประการหนึ่งซึ่งจะเดินดำเนินนาด |
ค่อยเยื้องยาตรยกย่างไปกลางสนาม |
| อย่าไกวแขนสุดแขนเขาห้ามปราม |
เสงี่ยมงามสงวนไว้แต่ในที |
| อย่าเดินกรายย้ายอกยกผ้าห่ม |
อย่าเสยผมกลางทางหว่างวิถี |
| อย่าพูดเพ้อเจ้อไปไม่สู้ดี |
เหย้าเรือนมีกลับมาจึงหารือ |
| ให้กำหนดจดจำแต่คำชอบ |
ผิดระบอบแบบกระบวนอย่าควรถือ |
| อย่านุ่งผ้าพกใหญ่ใต้สะดือ |
เขาจะลือว่าเล่นไม่เห็นควร |
| อย่าลืมตัวมัวเดินให้เพลินจิต |
ระวังปิดปกป้องของสงวน |
| เป็นนารีที่อายหลายกระบวน |
จะสงวนศักดิ์สง่าอย่าให้อาย |
| อนึ่งเนตรอย่าสังเกตให้เกินนัก |
จงรู้จักอาการประมาณหมาย |
| แม้ประสบพบเหล่าเจ้าผู้ชาย |
อย่าชะม้ายชะม้อยตะบอยแล |
| อันนัยน์ตาพาตัวให้มัวหมอง |
เหมือนทำนองแนะออกบอกกระแส |
| จริงมิจริงเขาก็เอาไปเล่าแช |
คนรังแกมันก็ว่านัยน์ตาคม
ฯ |
|
ค อันที่จริงหญิงกับชายย่อมหมายรัก |
มิใช่จักตัดทางที่สร้างสม |
| แม้นจักรักรักไว้ในอารมณ์ |
อย่ารักชมนอกหน้าเป็นราคี |
| ดังพฤกษาต้องวายุพัดโบก |
เขยื้อนโยกก็แต่กิ่งไม่ทิ้งที่ |
| จงยับยั้งชั่งใจเสียให้ดี |
เหมือนจามรีรู้จักรักษากาย |
| อันตัวนางเปรียบอย่างปทุมเมศ |
พึ่งประเวศผุดพ้นชลสาย |
| หอมผกาเกสรขจรจาย |
มิได้วายภุมรินถวิลปอง |
| ครั้นได้ชมสมจิตพิศวาส |
ก็นิราศแรมจรัลผันผยอง |
| ไม่อยู่เฝ้าเคล้ารสเที่ยวจดลอง |
ดูทำนองใจชายก็คล้ายกัน |
| แม้นชายใดใจประสงค์มาหลงรัก |
ให้รู้จักเชิงชายที่หมายมั่น |
| อันความรักของชายนี้หลายชั้น |
เขาว่ารักรักนั้นประการใด |
| จงพินิจพิศดูให้รู้แน่ |
อย่าทำแต่ใจเร็วจะเหลวไหล |
| เปรียบเหมือนปริศนาอย่าไว้ใจ |
มันมักไพล่แพลงขุมเป็นหลุมพราง |
| อันแม่สื่ออย่าได้ถือเป็นบรรทัด |
สารพัดเขาจะพูดนี้สุดอย่าง |
| แต่ล้วนดีมีบุญลูกขุนนาง |
มาอวดอ้างให้อนงค์หลงอาลัย |
| อันร้ายดีมิได้เห็นเป็นแต่ว่า |
จะคาดหน้าแน่ลงที่ตรงไหน |
| เหมือนเขาหลอกบอกลาภถึงเมืองไกล |
อย่าควรไปตามคำเขารำพัน |
| ทางไกลตาอุประมาเหมือนเสียเนตร |
สุดสังเกตุเท็จจริงทุกสิ่งสรรพ์ |
| เขาจะนำไปให้ตายก็ตายพลัน |
คนทุกวันเชื่อมันยากปากมักโกง |
| อันแม่สื่อคือปีศาจที่อาจหาญ |
ใครบนบานเข้าสักหน่อยก็พลอยโผง |
| อย่าเชื่อนักมักตับจะคับโครง |
มันชักโยงอยากกินแต่สินบน |
| อันความชั่วอยู่ที่ตัวของเราหมด |
ต้องกำสรดโศกร้างอยู่กลางหน |
| จงฟังหูไว้หูกับผู้คน |
สืบยุบลเสียให้แน่อย่าแร่ไป |
|
ค คิดถึงตัวหาผัวนี้หายาก |
มันชั่วมากนะอนงค์อย่าหลงไหล |
| คนสูบฝิ่นกินสุราพาจัญไร |
แม้หญิงใดร่วมห้องจะต้องจน |
| มักเบียดเบียนปี่ฑาประดาเสีย |
เหมือนเลี้ยงเหี้ยอัปรีย์ไม่มีผล |
| ไม่ทำมาหากินจนสิ้นตน |
แล้วซุกวนตีชิงเที่ยววิ่งราว |
| ทีบางคนนั้นชั่วเป็นหัวไม้ |
ให้พ่อใจชกตีชิงเขามีฉาว |
| ท่านจับได้ใส่ตรวนพรวนคอยาว |
แล้วบอกกล่าวโศกศัลย์ถึงภรรยา |
| เขาเป็นผัวตัวเป็นเมียเสียไม่ได้ |
มิหาไม่เงินทองก็ต้องหา |
| ไปเสียลดเสียหลั่นพันธนา |
คาฤชาก็ต้องเสียขายเมียลง |
| บ้างเล่นเบี้ยเสียถั่วมัวทะนง |
หน่อยก็ลงจำนำเขารำไป |
| มีเข้าของเคยผูกให้ลูกเต้า |
ก็เบียนเอาสิ้นสุดหาหยุดไม่ |
| ลงชิ้นว่าผ้าผ่อนท่อนสไบ |
เอาไปไขว้เล่นโปจนโซโทรม |
| ยังแต่เมียเกลี่ยไกล่ไปขายซื้อ |
คอยหารือร่วมภิรมย์เมื่อชมโฉม |
| ครั้นรักผัวก็จะมัวด้วยลมโลม |
ต่อล้มโครมแล้วก็ครวญหวนถึงตัว |
| จะคิดทำอย่างไรก็ใช่ที่ |
ต้องรับหนี้ยากแค้นใช้แทนผัว |
| ถ้าคนผู้รู้สึกสำนึกตัว |
จะยังชั่วด้วยไม่เฉยชะเลยใจ |
| จะหาคู่สู่สมนิยมหวัง |
จงระวังชั่วช้าอัชฌาสัย |
| ที่ชายดีนั้นก็มีอยู่ถมไป |
ใช่นิสัยเขาจะชั่วไปทั่วเมือง |
| แต่ใจคนมักจะรนไปหาผิด |
ครั้นได้คิดจิตตรอมออกผอมเหลือง |
| ต้องเดือดดิ้นกินน้ำตาอยู่นองเนือง |
สุดจะเปลืองราคินให้สิ้นคาว
ฯ |
|
ค เป็นสตรีสุดดีแต่เพียงผัว |
จะดีชั่วก็แต่ยังกำลังสาว |
| จงจนสองสามจืดไม่ยืดยาว |
จะกลับหลังอย่างสาวสิเต็มตรอง |
| ถ้าคนดีมิได้ช้ำระยำยับ |
ถึงขัดสนจนทรัพย์ไม่เศร้าหมอง |
| คงมีผู้ชูช่วยประคับประคอง |
เปรียบเหมือนทองธรรมดาราคามี |
| ถ้าแม้นตัวชั่วช้ำระยำแล้ว |
จะปัดแผ้วกางฝืนไม่คือที่ |
| เหมือนทองแดงแฝงฝ้าเป็นราคี |
ยากจะมีผู้ประสงค์จำนงใจ |
|
ค จงรักตัวอย่าให้มัวราคีหมอง |
ถือทำนองแบบโบราณท่านขานไข |
| อย่าเอาผิดมาเป็นชอบประกอบใจ |
จงอยู่ในโอวาทญาติวงศ์ |
| แม้นรู้จักรักร่างเป็นอย่างยิ่ง |
จะเพริศพริ้งสมวาทเป็นราชหงส์ |
| จงกำหนดอตส่าห์รักษาทรง |
อย่าลุ่มหลงด้วยอุบายของชายพาล |
| อันคำคมลมบุรุษนั้นสุดกล้า |
เขาย่อมว่ารสลิ้นนั้นกินหวาน |
| จงระวังตั้งมั่นในสันดาน |
อย่าลนลานหลงระเริงด้วยเชิงชาย |
| เขารักจริงให้สู่ขอกับพ่อแม่ |
อย่าวิ่งแร่หลงงามไปตามง่าย |
| เขาไม่เลี้ยวไล่ขับจะอับอาย |
ต้องเป็นหม้ายอยู่กับบ้านประจานตน |
| ข้างพ่อแม่ก็จะโกรธพิโรธร่ำ |
จะจองจำตีโบยออกโหยหน |
| ด้วยท่านอายขายหน้าประชาชน |
ไม่รักตนเราจึงต้องมาหมองมัว |
| ถ้าปะว่าแม่พ่อในคอร้าย |
กลับซื้อขายคิดเอากับเจ้าผัว |
| แม้ชายจนคนขัดพลัดเข้าตัว |
เราทำชั่วก็ต้องขายกายเราเอง |
| จะขึ้งโกรธโทษผู้ใหญ่ว่าไม่รัก |
เพราะเราคิดผิดนักไม่เหมาะเหมง |
| ขั้นพ่อแม่ของตัวไม่ลัวเกรง |
ใจตัวเองพาหลงไปลงตาม |
| ท่านเลี้ยงมาว่าจะให้เป็นหอห้อง |
หมายจะกองทุนสินกินขนม |
| ครั้งลูกตัวชั่วถ่อยน้อยอารมณ์ |
จึงตรอมตรมโกรธบุตรนี้สุดใจ |
| แม้นลูกดีก็จะมีศรีสง่า |
ญาติวงศ์พงศาก็ก็ผ่องใส |
| ถึงเพื่อนบ้านฐานถิ่นที่ใกล้ไกล |
ก็มีใจสรรเสริญเจริญพร
ฯ |
|
ค จงรักนวลสงวนงามห้ามใจไว้ |
อย่าหลงไหลจำคำที่ร่ำสอน |
| คิดถึงหน้าบิดาแลมารดร |
อย่ารีบร้อนเร็วนักมักไม่ดี |
| เมื่อสุกงอมหอมหวนจึงควรหล่น |
อยู่กับต้นอย่าให้พรากไปจากที่ |
| อย่าชิงสุกก่อนห่ามไม่งามดี |
เมื่อบุญมีคงจะมาอย่าปรารมภ์ |
| อย่าคิดเลยคู่เชยคงหาได้ |
อุตส่าห์ทำลำไพ่เก็บประสม |
| อย่าเกียจคร้านการสตรีจงนิยม |
จะอุดมสินทรัพย์ไม่อับจน |
| ถ้าแม้นทำสิ่งใดให้ตลอด |
อย่าทิ้งทอดเที่ยวไปไม่เป็นผล |
| เขม้นขมักรักงามการของตน |
อย่าซุกซนคบเพื่อนไพล่เชือนแช |
| เมื่อเหนื่อยอ่อนนอนหลับอยู่กับบ้าน |
อย่าเที่ยวพล่านพูดผลอประจ๋อประแจ๋ |
| อะไรฉาวกราวเกรียวอย่าเหลียวแล |
ฟังให้แน่เนื้อความค่อยถามกัน |
| ระวังดูเรือนเหย้าแลข้าวของ |
จะบกพร่องอะไรที่ไหนนั่น |
| เห็นไม่มีแล้วอย่าอ้างว่าช่างมัน |
จะผ่อนผันเก็บเล็มให้เต็มลง |
| มีสลึงพึงประจบให้ครบบาท |
อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ |
| จงมักน้อยกินน้อยค่อยบรรจง |
อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนาน |
| ไม่ควรซื้อก็อย่าไปพิไรซื้อ |
ให้เป็นมื้อเป็นคราวทั้งคาวหวาน |
| เมื่อพ่อแม่แก่เฒ่าชรากาล |
จงเลี้ยงท่านอย่าให้อดระทดใจ |
| ด้วยชนกชนนีนั้นมีคุณ |
ได้การุณเลี้ยงรักษามาจนใหญ่ |
| อุ้มอุทรป้อนข้าวเป็นเท่าไร |
หมายจะได้พึ่งพาธิดาดวง |
| ถ้าเราดีมีจิตคิดอุปถัมภ์ |
กุศลล้ำเลิศเท่าภูเขาหลวง |
| จะปรากฏยศยิ่งสิ่งทั้งปวง |
กว่าจะล่วงลุถึงซึ่งพิมาน |
| เทพไทในห้องสิบหกชั้น |
จะชวนกันสรรเสริญเจริญสาร |
| ว่าสตรีนี้เป็นยอดพาพาล |
ได้เลี้ยงท่านชนกชนนี
ฯ |
|
ค ที่บางนางนั้นก็ทำทุจริต |
มิได้คิดคุณท่านเท่าเกศี |
| เห็นพ่อแม่ยากไร้ไม่ไยดี |
ดูเป็นทีอายเพื่อนเบือนอารมณ์ |
| เขาถามไถ่ว่ามิใช่เป็นพ่อแม่ |
ทำพูดแก้เกลื่อนกลับจะทับถม |
| ให้ตามหลังบังคับด้วยคำคม |
ไม่ชื่นชมยกชูขึ้นบูชา |
| คนผู้นั้นครั้นตายวายชีวาตม์ |
คงไม่คลาดแคล้วนรกตกถลา |
| ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันพระจันทรา |
ทรมาหมกไหม้ในไฟฟอน |
| ถ้าอยู่ไปในมนุษย์โลกเล่า |
เทพเจ้าท่านก็แช่งแสร้งสังหรณ์ |
| ให้ยากยับอัปราอนาทร |
ยิ่งกว่าทำมารดรให้ร้อนใจ |
| แม้จะมีเงินทองของทั้งหลาย |
คงฉิบหายมั่นคงอย่าสงสัย |
| จะเกิดโจรราวีอัคคีภัย |
เพราะว่าใจหยาบช้ำคิดทารุณ |
| หญิงเช่นนี้ชายอย่าได้ไปร่วมรัก |
จะเสื่อมศักดิ์เสียเช่นเป็นสถุล |
| แต่พ่อแม่เจียวยังใจไม่การุญ |
เนรคุณมิได้คิดอนิจจัง |
| ซึ่งสตรีที่ท่านดีอย่าดูเยี่ยง |
จงหลีกเลี่ยงเสียให้พ้นคนขี้ถัง |
| แม้นร่วมรอยก็จะพลอยระยำมัง |
ดุจดังเอาทองแดงเข้าแฝงกุม
ฯ |
|
ค จะสอนใจไว้ทุกสิ่งเป็นหญิงสาว |
ให้พ้นคาวข่าวชั่วเข้ามั่วสุม |
| ให้ผันผ่อนเหมือนหนึ่งนอนในห่วงรุม |
จงสุขุมคิดแบ่งให้เบาบาง |
| อย่าทำนอกลักษณะจะเป็นโทษ |
ตัดประโยชน์พี่น้องเขาหมองหมาง |
| ถึงจะรักรักให้ยึดอย่าจืดจาง |
จะไว้วางกิริยาให้น่าดู |
| จะพูดจาปราศรัยกับใครนั้น |
อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู
..... |