| เมื่อไม่ชอบก็อย่าตอบเนื้อความตาม |
มันจะลามเล่นเลยเหมือนเคยเป็น |
| ถึงจะไปในพิภพให้จบทั่ว |
แต่ความชั่วอย่าให้ผู้ใดเห็น |
| จงอุส่าห์ปกปิดให้มิดเม้น |
จึงจะเป็นคนดีมีปัญญา |
| เมื่อจะจรนอนเดินดำเนินนั่ง |
จงระวังรั้งจิตขนิษฐา |
| อย่าเหม่อเมินเดินให้ดีมีอาฌา |
แม้นพลั้งพลาดบาทาจะอายคน |
| เห็นผู้ใหญ่ฤาใครเขานั่งแน่น |
อย่าไกวแขนปัดเช่นไม่เห็นหน |
| ค่อยวอนว่าข้าขอจรดล |
นั่นแลคนจึงปรานีนาง |
| แม้นสมรจะไปนอนที่เรือนไหน |
อย่าหลับไหลลืมกายจนสายสาง |
| ใครเห็นเข้าเขาจะเล่านินทานาง |
ความกระจ่างออกกระจายเพราะกายตัว |
| ถ้าจะนั่งก็นั่งระวังผ้า |
ไม่อาณาเขาจะพากันยิ้มหัว |
| ยามสำรวลก็อย่าสรวลให้เมามัว |
แม้นจะหัวหัวร่อพอสบาย |
| เมื่อยามยิ้มยิ้มไว้แค่ในพักตร์ |
อย่ายิ้มนักเสียสง่าพาสลาย |
| อย่าท้าวแขนท้าวคางให้ห่างกาย |
อย่ากรีดกรายกรอมเพลาะเที่ยวเราะเริง |
| จะแต่งตัวก็อย่ามัวแต่การแต่ง |
อย่าทาแป้งจับกระเหม่าเข้าจนเหลิง |
| ใช่บ้านนอกคอกนามาแต่เยิง |
ทำเซอะเชิงเขาจะโห่วิ่งโร่ไป |
|
ค เมื่อยามตรุษยามสงกรานต์มีงานหลวง |
แต่ให้งามตามกระทรวงหาว่าไม่ |
| ครั้นสิ้นเขตเทศกาลทำงานไป |
อย่าร่ำไรผัดหน้าทั้งตาปี |
| เมื่อไปเป็นชาววังจึงนั่งแต่ง |
แต่พอแจ้งเข้าเข้าก็จับกระจกหวี |
| ด้วยสำราญการอะไรนั้นไม่มี |
จะหาคู่ดูแต่ที่เจ้าพระยา |
| อยู่สถานบ้านช่องนั้นต้องคิด |
ให้รู้กิจการหญิงทุกสิ่งสา |
| เพื่อมีผัวพลเรือนเหมือนกันนา |
จะได้หาเลี้ยงกันจนวันตาย |
| รู้วิชาก็ให้รู้เป็นครูเขา |
จึงจะเบาแรงตนเร่งขวนขวาย |
| มีข้าไทใช้ส่อยค่อยสบาย |
ตัวเป็นนายโง่เง่าบ่าวไม่เกรง |
| การวิชาหาประดับสำหรับร่าง |
อย่าเอาอย่างหญิงโกงที่โฉงเฉง |
| การมิดีที่ชั่วจงกลัวเกรง |
อย่าครืนเครงขับร้องคะนองใจ |
| คิดแต่ยากแต่จนเร่งขวนขวาย |
อย่าให้กายตกยากลำบากได้ |
| พออิ่มเช้าอิ่มเย็นไม่เป็นไร |
อย่าพอใจเชื่อช้ำเขาก้ำเกิน |
| ค่อยเสงี่ยมเจียมตนจนเสียก่อน |
อย่าผันผ่อนทีหลังเขาสรรเสริญ |
| อย่าเป้อเย้อพกใหญ่ออกให้เกิน |
ละเมิดเมินหมิ่นนักมักจะอาย |
| อย่าอวดดีมีทรัพย์เที่ยวจับแจก |
ทำเกี่ยวแฝกมุงป่าพาฉิบหาย |
| ใครจะช่วยตัวเราก็เปล่าดาย |
อย่ามักง่ายเงินทองของสำคัญ |
| เห็นผู้ดีมีทรัพย์ประดับแต่ง |
อย่าทำแข่งวาสนากระยาหงัน |
| ของตัวน้อยก็จะถอยไปทุกวัน |
เหมือนตัดบั่นต้นทุนสูญกำไร |
| จงนุ่งเจียมห่มเจียมเสงี่ยมหงิม |
อย่ากระหยิ่มยศฐาอัชฌาสัย |
| อย่านุ่งลายกรายกรุยทำฉุยไป |
ตัวมิใช่ชาววังไม่บังควร |
|
ค อย่าคบพวกหญิงพาลสันดานชั่ว |
ที่แต่งตัวไว้จริตผิดกระสวน |
| สุริย์ฉายบ่ายคล้อยเที่ยวลอยนวล |
เป็นเชิงชวนพวกเจ้าชู้เขารู้กล |
| พอรุ่งเช้าเฝ้าแต่มองส่องเกศี |
ให้เวียนหวีได้วันละพันหน |
| ตรงการงานแล้วขี้คร้านเป็นกังวล |
แต่งแต่ตนมิได้เว้นสักเวลา |
| ครั้นได้ยินเสียงกลองมาก้องหู |
ยังไม่รู้เนื้อความเที่ยวถามหา |
| วันนี้ละครใครที่ไหนมา |
แม้รู้ว่าเจ้ากรับเต้นหรับไป |
| นั่งพินิจพิศโฉมประโลมหลง |
ดูจนปลงกรรมฐานเหงื่อกาฬไหล |
| บ้างก็เห็นว่างามเลยตามไป |
ช่างกระไรหนอขนิษฐ์ไม่คิดอาย |
| บ้างก็รักข้างนักเลงเล่นเครงครื้น |
เที่ยวกลางคืนคบเพื่อนเดือนหงายหงาย |
| ห่มเพลาะดำทำปลอมออกกรอมกราย |
พวกผู้ชายชักพาเที่ยวร่าเริง |
| ครั้นไปไปใจแตกลงแหกคอก |
ปะเตะปลอกต้ำผางวางจนเหลิง |
| ควาญหมอรอไม่ติดเห็นผิดเชิง |
จะเปิดเปิงเข้าป่าไปท่าเดียว |
| ใครจะห้ามปรามไว้ก็ไม่ฟัง |
ทำส่งเสียงเถียงดังให้กราดเกรี้ยว |
| ถือว่าตนเปรื่องฉลาดปราชญ์ประเปรียว |
ประจบเที่ยวรู้จักทุกพักตรา |
| พูดก็มากปากก็บอนแสนงอนนัก |
เห็นเขารักกันไม่ได้ใจอิจฉา |
| เที่ยวรอนรานจนเพื่อนบ้านเขาระอา |
นั่งที่ไหนให้นินทาเขาเป็นแดน |
| ที่ส่วนตัวถึงจะชั่วออกล้นพ้น |
สู้ปิดปกยกตนนี่สุดแสน |
| ไม่ทำมาหากินจนสิ้นแกน |
ก็เลยแล่นเข้าบ่อนนอนสบาย |
| หญิงเช่นนี้เห็นไม่มีเจริญแล้ว |
ให้แว่วแว่วอยู่ข้างทางฉิบหาย |
| ลงสูบฝิ่นกินเหล้าอยู่เมามาย |
ไม่เสียดายอินทรีย์เท่าขี้เล็บ |
| มือก็ไวใจกล้าหน้าก็ด้าน |
จะเอาขวานเข้าไปถากไม่อยากเจ็บ |
| แต่ผ้าขาดก็ไม่ปรารถนาเย็บ |
ขี้เกียจเก็บผลัดวางไว้กลางเรือน |
| อันการเหย้าแล้วไม่เอาเป็นธุระ |
คิดแต่จะเที่ยวตลบไปคบเพื่อน |
| คบกันได้แต่นิสัยพวกแชเชือน |
จะคบคนพลเรือนก็เต็มที |
| ชั้นจะยืมของใครเขาไม่เชื่อ |
ด้วยตัวเหลือโป้ปดสบถถี่ |
| ปากก็หวานเหมือนน้ำตาลเพชรบุรี |
เข้าของมีให้ไปมิได้คืน |
| แม้นใครไปสมทบเข้าคบค้า |
จนชั้นผ้าไม่ติดตัวแต่สักผืน |
| มีแต่ภัยให้ระยำทุกค่ำคืน |
ใครจะชื่นชมชิดไปคิดคบ |
| หญิงไม่ดีนั้นก็มีอยู่หลายพวก |
จำจะบวกบอกใส่เสียให้จบ |
| ที่คนดีจะได้ดูให้รู้ครบ |
หล่อนจะได้ไม่คบพวกคนพาล |
| หญิงพวกหนึ่งนั้นขันทำปั้นเจ๋อ |
เฝ้าเป้อเย้อหยิ่งเกินกับภูมิฐาน |
| ไม่เจียมจนเลยว่าตนต่ำสันดาน |
เห็นที่ท่านเป็นขุนนางอ้างเข้ามา |
| ล้วนคุณลุงคุณปู่อยู่ทุกแห่ง |
เที่ยวแอบแฝงพิงพาดวาสนา |
| พวกผู้ดีไม่นึกตรึกเจรจา |
เป็นพี่น้องร่วมฟ้านั้นเห็นจริง |
| ช่างพูดได้ไม่อายแก่ปลายลิ้น |
เป็นคนสิ้นความคิดผิดผู้หญิง |
| ถึงพูดไปใครเขาจะเห็นจริง |
เขาว่าหยิ่งยกยศเหมือนมดตะนอย |
| ถึงจะอวดอ้างไปที่ไหนนั่น |
เขารู้ทันอยู่ว่าเช่นเจ้าเป็นหอย |
| ถ้าสันดานการผู้ดีคงมีรอย |
ไม่กล่าวถ้อยเขาก็รู้ว่าผู้ดี |
| อันตัวต่ำแล้วอย่าทำให้เกินศักดิ์ |
เขาจะมักเหม็นปากเหมือนซากผี |
| เปรียบเหมือนเกลือเจือปนกับชลธี |
มันก็มีแต่จะจืดไม่ยืดยาว
ฯ |
|
ค ที่บางคนจนยากไม่อยากทุกข์ |
ถือว่าสุขอยู่แก่ตาข้าเป็นสาว |
| อุตส่าห์ทาแป้งขมิ้นให้สิ้นคราว |
ไม่สร้อยเศร้าสู้ตาประชาชน |
| ทำไมแก่เงินทองของทั้งหลาย |
เห็นหาง่ายสารพัดไม่ขัดสน |
| ถือว่ารูปกูงามไม่คร้ามจน |
ลงแต่ตนขายกินจนสิ้นดี |
| สุภาษิตท่านประดิษฐ์ประดับไว้ |
ว่าผู้ใดงามพักตร์สูงศักดิ์ศรี |
| ถึงเป็นองค์สุริย์วงศ์พระจักรี |
แม้นไม่มีสินทรัพย์ก็ลับไป |
| ทุกวันนี้มีทรัพย์เขานับหน้า |
อย่าถือว่าตนงามตามวิสัย |
| ถึงงามพักตร์เขาจะรักเจ้าเพียงไร |
เขาคาดใจเสียว่าเจ้าขี้เกียจการ
ฯ |
|
ค ที่บางคนเห็นที่ท่านมีทรัพย์ |
แต่งประดับผิวพรรณในสันฐาน |
| ประกอบผูกลูกสะกดสร้อยสังวาล |
แลละลานล้วนสุวรรณอันละออ |
| เจ้าคนจนมันให้ร่ำจะทำบ้าง |
เอาเยี่ยงอย่างอยากได้น้ำลายสอ |
| แต่ตัวจนอ้นอั้นตันใจคอ |
ลงเที่ยวผลอไพล่เผลเพทุบาย |
| หาทองแท้แก้ไขมันไม่คล่อง |
ต้องเอาทองชิงช้าน่าใจหาย |
| แต่ล้วนเนื้อสิบน้ำทองคำทวาย |
สายสร้อยสายหนึ่งก็สลึงเฟื้อง |
| แพงไม่เบาเขายังกล้าอุตส่าห์ซื้อ |
ผูกข้อมือแลงามอร่ามเหลือง |
| ถึงจนยากอยากบำรุงให้รุ่งเรือง |
จนทองเหลือก็ไม่ละจะกละงาม |
| ก็สาสมกับอารมณ์ไม่เจียมศักดิ์ |
ทรลักษณ์เหลือตัวชั่วซำสาม |
| ผู้ดีว่าแล้วขี้ข้าก็พลอยตาม |
ไม่มีความอายจิตสักนิดเดียว |
| เขาจึงว่าหน้าสดปรากฎอยู่ |
สมแก่ผู้ที่ไม่ตรึกนึกเฉลียว |
| เมื่อน้ำตื้นขืนจะพายไปฝ่ายเดียว |
ไม่ถึงเลี้ยวก็จะล่มลงจมแปลง |
| เหมือนหิ่งห้อยน้อยสีหรี่หรุบรู่ |
จะแข่งสู้สุริยาอันกล้าแข็ง |
| เห็นไม่ถึงดอกอย่าโกยไปโดยแรง |
เขาจะแสร้งสรวลว่าเป็นบ้ายศ
ฯ |
|
ค ยังมีพวกหนึ่งนั้นขยันยิ่ง |
เป็นผู้หญิงสองใจไม่กำหนด |
| เที่ยวยักย้ายร่ายชมภิรมย์รส |
ใครมาจดโผจับรับตะกาง |
| จะรักไหนก็ไม่รักสมัครมั่น |
เล่นประชันเชิงลองทั้งสองข้าง |
| ชู้ต่อชู้รู้เรื่องเคืองระคาย |
ก็ขัดขวางหึงษาจะฆ่าฟัน |
| เพราะนารีมิได้ตรงจำนงหมาย |
ทำให้ชายเคืองแค้นแสนกระสัน |
| เหมือนพวกนางโมราวิลาวัณย์ |
ยื่นพระขรรค์ผัวให้กับอ้ายโจร |
| โอ้ใจนางอย่างนี้ก็มีมั่ง |
จนลือดังกล่าวก้องดังกลองโขน |
| เพราะนิสัยใจขนิษฐเล่นปลิดโยน |
จนมาโดนกันกระดากไม่อยากเชย |
| ต่างคนต่างก็เชือนเหมือนเบือนเบื้อ |
ต้องเป็นเรือขึ้นคานอยู่เฉยเฉย |
| อันผัวดีที่จะได้อย่างหมายเลย |
ด้วยมากเชยหลายชู้เขารู้กล
ฯ |
|
ค บ้างลอบเล่นเพลงยาวเมื่อคราวขัด |
ฝีปากจัดตอบต่อข้อนุสนธ์ |
| ที่ไม่สู้รู้กลอนยังร้อนรน |
เที่ยววานคนแต่งให้พ่อได้การ |
| บ้างก็เล่นปริศนาเที่ยวหาของ |
ให้ถูกต้องตามอารมณ์ประสมประสาน |
| ครั้นห่อเสร็จส่งให้กับชายชาญ |
บอกอาการเรื่องรักประจักษ์ความ |
| ครั้นคิดคิดปริศนานั้นช้าเนิ่น |
ชวนกันเดินหลีกออกนอกสนาม |
| ทำดื้อด้านหาญหักไม่รักงาม |
จนเลยลามลืมบ้านสถานตน |
| ชนิดนางอย่างนี้มีชุมนัก |
เป็นโรครักเกิดมารศีรษะขน |
| ต้องกินยาเข้าสุราพริกไทยปน |
หมายประจญให้ดับที่อับอาย |
| รักสนุกครั้นได้ทุกข์แล้วถอยคิด |
จะปกปิดเปลวไฟเห็นไม่หาย |
| เทพเจ้าท่านไม่เข้ากับคนร้าย |
คงก่อกายขึ้นให้เห็นไว้เป็นตรา |