www.dooasia.com >
เมืองไทยของเรา >
เรื่องของไทยในอดีต
ก่อนอยุธยา
สมัยอยุธยา(๑)
สมัยอยุธยา(๒)
สมัยธนบุรี
รัชสมัย ร.๑
รัชสมัย ร.๒
รัชสมัย ร.๓
รัชสมัย ร.๔
รัชสมัย ร.๕
รัชสมัย ร.๖
รัชสมัย ร.๗
รัชสมัย ร.๘
สมัยปัจจุบัน
๑๓ กรกฎาคม
๒๔๓๖
เกิดกรณีพิพาทระหว่าง ไทย - ฝรั่งเศส ร.ศ.๑๑๒
ฝรั่งเศสได้ส่งเรือรบ ๒ ลำ ตีฝ่าป้อมพระจุลจอมเกล้า ซึ่งเป็นแนวป้องกันของไทย
ที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา เข้ามาได้ ทำให้ไทยต้องเสียดินแดนให้แก่ฝรั่งเศส เพื่อรักษาไว้ซึ่งเอกราชและอธิปไตยของไทย
๑๕
กรกฎาคม ๒๔๓๖
นายปาวี เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำกรุงเทพ ฯ ได้แจ้งมายังเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศไทยมีใจความว่า
รัฐบาลฝรั่งเศสได้สั่งเรือสงครามคอมเมต และแองคองสตอง เข้ามาถึงสันดอนอ่าวไทย
เพื่อป้องกันชนชาวฝรั่งเศสเช่นเดียวกับที่อังกฤษคิดจะทำ
๒๐ กรกฎาคม
๒๔๓๖
นายโอกุส ปาวี เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ได้รับคำสั่งจากรัฐบาลฝรั่งเศสให้ยื่นคำขาดต่อรัฐบบาลไทย
รวม ๖ ข้อ ให้ไทยยกดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงและเกาะต่าง ๆ ที่อยู่ใต้แหลมสิงห์ไปถึงเกาะกูด
แก่ฝรั่งเศส ให้ไทยลงโทษเจ้าหน้าที่ไทยผู้มีส่วนรับผิดชอบในการยิงเรือฝรั่งเศส
ที่ปากน้ำ ชดใช้ค่าเสียหายแก่ฝรั่งเศส ๒ ล้านฟรังก์ โดยไทยจะต้องให้คำตอบใน
๔๘ ชั่วโมง มิฉะนั้นเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยจะเดินทางออกจากกรุงเทพ
ฯ และฝรั่งเศสจะประกาศปิดน่านน้ำไทยในทันที
๒๖
กรกฎาคม ๒๔๓๖
หลังจากฝรั่งเศส ได้ยื่นคำขาดต่อรัฐบาลไทย เมื่อ ๒๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๓๖ และได้รับคำตอบไม่เป็นที่พอใจ
จึงได้ส่งกองเรือขนาดใหญ่ ประกอบด้วยเรือลาดตะเวน ๒ ลำ เรือสลุป ๒ ลำ เรือปืน
๕ ลำ และเรือตอร์ปิโด ๑ ลำ เข้ายึดเกาะสีชัง ประกาศปิดอ่าวไทย ให้ไทยทำสัญญาสงบศึก
และให้รับข้อประกันในการยึดปากน้ำจันทบุรี และเมืองจันทบุรี จนกว่าไทยจะถอนทหารออกจากฝั่งซ้ายของแม่น้ำโขงหมด
ฝรั่งเศสยกเลิกการปิดล้อมอ่าวไทย เมื่อ ๓ สิงหาคม ๒๔๓๖
๓
สิงหาคม ๒๔๓๖
เรือรบฝรั่งเศสเลิกปิดล้อมอ่าวไทย เนื่องจากเหตุการณ์กรณี ร.ศ.๑๑๒ ฝรั่งเศส
เสนอข้อเรียกร้องให้ไทยทำสัญญายกดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง และเกาะต่าง ๆ ตั้งแต่ภาคเหนือของลาวจนถึงพรมแดนเขมรให้ฝรั่งเศส
เมื่อไทยไม่ยินยอม ฝรั่งเศสได้เข้ายึดจังหวัดจันทบุรีกับจังหวัดตราด และปิดล้อมอ่าวไทยอยู่
๘ วัน เมื่อไทยยอมตามที่ฝรั่งเศสต้องการ จึงเลิกปิดอ่าวไทย
๒๐
สิงหาคม ๒๔๓๖
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ เสด็จไปทรงศึกษาในยุโรป
๑
ตุลาคม ๒๔๓๖
มหามกุฎราชวิทยาลัย ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาทางพุทธศาสนา (ฝ่ายธรรมยุติ) นับเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกในประเทศสยาม
เริ่มเปิดสอนเป็นครั้งแรกโดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า ฯ กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
องค์ที่ ๑๐ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงริเริ่มและรวบรวมทุนสร้างขึ้น ด้วยรำลึกถึงพระเกียรติคุณของ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ พระบรมราชชนก มหามกุฎราชวิทยาลัยนี้ตั้งอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร
บางลำภู โดยมีพระประสงค์เพื่อเป็นแหล่งศึกษา และอบรมสั่งสอนเผยแพร่พระพุทธศาสนา
๓ ตุลาคม
๒๔๓๖
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ ฯ กรมพระยาเทววงศ์วโรปการ เสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศ
ได้ทรงลงนามในสนธิสัญญาไทยกับฝรั่งเศส ที่ทำขึ้นหลังจากวิกฤติ ร.ศ.๑๑๒ ผลจากสนธิสัญญานี้ทำให้ไทยเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง
ตั้งแต่แคว้นสิบสองจุไท ในภาคเหนือของลาว จนถึงเขตแดนเขมรให้แก่ฝรั่งเศสไป
และไทยต้องชดใช้ค่าเสียหายให้ฝรั่งเศส ๒ ล้านฟรังก์ และยังต้องวางเงินประกันอีก
๓ ล้านฟรังก์ ขณะเดียวกันฝรั่งเศสได้ส่งทหารมายึดจันทบุรีและตราด นับว่าเป็นดินแดนครั้งใหญ่ที่สุดของไทย
รวมเป็นพื้นที่ ๑๔๓,๘๐๐ ตารางกิโลเมตร ให้แก่ฝรั่งเศส
๘
พฤศจิกายน ๒๔๓๖
วันพระราชสมภพของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๗ ) ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่
๗๖ ในรัชกาลที่ ๕ ครั้นพระชนมายุได้ ๑๒ พรรษา ได้รับพระราชทานพระสุพรรณบัฏเฉลิมพระนาม
พร้อมกับดำรงพระเกียรติยศเป็นเจ้าฟ้าต่างกรมว่า สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าประชาธิปกศักดิเดชน์
ฯ กรมขุนสุโขทัยธรรมราชา ทรงขึ้นครองราชสมบัติ สืบต่อจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า
ฯ พระเชษฐาธิราช เมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๔๖๘ นับเป็นรัชกาลที่ ๗ แห่งราชวงศ์จักรี
เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ พระองค์ได้พระราชทาน
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยามเป็นฉบับแรก เมื่อวันที่
๑๐ ธันวาคม
๒๔๗๕ ครั้นต่อมา ปรากฏว่าได้เกิดความคิดเห็นทางการเมืองขัดแย้งกันระหว่างพระองค์
กับรัฐบาล และสภาผู้แทนราษฎร จึงทรงสละราชสมบัติ เมื่อวันที่ ๒ มีนาคม ๒๔๗๗
และเสด็จไปประทับที่ประเทศอังกฤษ เสด็จสวรรคตด้วยโรคพระหทัยพิการ เมื่อวันที่
๓๐ พฤษภาคม ๒๔๘๔ สิริรวมพระชนมายุ ๔๘พรรษา ในปี ๒๕๓๖ เป็นวาระครบรอบ ๑๐๐ ปี
ของพระองค์
๓๐
มีนาคม ๒๔๓๖
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงเห็นสมควรให้สภาอุณาโลมแดง และให้เข้าเป็นสมาชิกสภากาชาดสากล
พ.ศ.๒๔๔๙
พ.ศ.๒๔๓๗
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ปรับปรุงราชการหัวเมืองเสียใหม่
โดยให้จัดตั้งมณฑลเทศาภิบาล โปรดเกล้า ฯ ให้จัดแบ่งพระราชอาณาจักรออกเป็น
๑๘ มณฑล แต่ละมณฑลแบ่งออกเป็นอำเภอ ตำบลและหมู่บ้าน สำหรับตำบลและหมู่บ้านให้มีกำนันและผู้ใหญ่บ้าน
โดยให้ราษฎรเลือกกันเอง
พ.ศ.๒๔๓๗
บริษัทเดนมาร์ค ได้ตั้งโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้ในการเดินรถราง ที่บริษัทได้สัมปทานการเดินรถรางในพระนคร
ต่อมาได้รวมกับบริษัทอเมริกันที่รับช่วงจากเจ้าหมื่นไวย แล้วตั้งเป็นบริษัทไฟฟ้าสยามเมื่อ
ปี พ.ศ.๒๔๔๔
๑๒
มิถุนายน ๒๔๓๗
กองทัพเมืองเชียงใหม่ของพระเจ้ากาวิละ ยึดเมืองเชียงแสนได้ในวันนี้ เมืองเชียงแสนอยู่ในท้องที่จังหวัดเชียงราย
ริมแม่น้ำโขง ขณะนั้นยังอยู่ในอิทธิพลพม่า
๒๑
พฤศจิกายน ๒๔๓๗
ถรางเปลี่ยนจากใช้ม้าลากมาเป็นใช้ไฟฟ้า และโอนกิจการให้แก่รัฐบาล พ.ศ. ๒๔๓๙
เลิก ๑ ตุลาคม ๒๕๑๑
๒๓ ธันวาคม
๒๔๓๗
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ มีพระบรมราชโองการให้ประกาศปันหน้าที่ กระทรวงกลาโหม
มหาดไทย โดยแยกข้าราชการพลเรือน คือการบังคับบัญชาหัวเมืองภาคใต้ไปขึ้นอยู่กับมหาดไทย
และจัดระเบียบการบริหาร ตลอดจนจัดหน่วยงานในกระทรวงกลาโหมใหม่ โดยรวมการบังคับบัญชาทางการทหารไว้ที่กระทรวงกลาโหม
เพื่อให้กระทรวงกลาโหมรับผิดชอบด้านการป้องกันประเทศ ด้วยกำลังทหารทั้งทางบกและทางเรือ
๑
มกราคม ๒๔๓๗
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ ทรงได้รับสถาปนาเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
สยามมงกุฎราชกุมาร พระองค์ที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนมายุ
๓๑ พรรษา ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้คนไทยมีนามสกุล
ทรงพระราชทานนามสกุลถึง ๖,๔๓๒ สกุล โปรดเกล้า ฯ ให้ใช้คำนำหน้าชื่อคือ เด็กชาย
เด็กหญิง นาย นางสาว นาง คุณหญิง เป็นต้น พระราชทานกำเนิดธนาคารออมสิน นำประเทศไทยเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่
๑ ที่ยุโรป โดยอยู่กับฝ่ายสัมพันธมิตร
๑ กุมภาพันธ์
๒๔๓๘ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงตราพระราชบัญญัติโรงจำนำ ร.ศ.๑๑๔ ขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย
มีผลบังคับใช้ทั่วพระราชอาณาจักร วันที่ ๑ กรกฎาคม ร.ศ.๑๒๐
พ.ศ.๒๔๓๙
ได้โอนกรมพระสุรัสวดี จากกระทรวงเมืองมาขึ้นกับกระทรวงกลาโหม เพื่อสดวกในการเรียกคนเข้ารับราชการทหารและตามพระบรมราโชบาย
ที่จะรวบรวมสรรพาวุธและกำลังทหารไว้ที่กระทรวงกลาโหม
๙
พฤษภาคม ๒๔๓๙
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จประพาสชวา ครั้งที่ ๒ โดยเรือพระที่นั่งมหาจักรี
๑๐
มิถุนายน ๒๔๓๙
การไฟฟ้านครหลวง เปิดบริการแก่ประชาชนในพระนคร
๔
กรกฎาคม ๒๔๓๙
นาย จี.เอช. แวนสัชเตเลน แต่งทำนองเพลงสรรเสริญพระบารมี และบรรเลงถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
ฯ ที่เมืองจอร์กจากาต้า ประเทศอินโดนีเซีย
๑
กันยายน ๒๔๓๙
ตั้งโรงเรียนราชวิทยาลัย ที่บ้านสมเด็จเจ้าพระยามหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)
๑๘
กันยายน ๒๔๓๙
ตั้งกรมป่าไม้ อธิบดีคนแรกเป็นชาวต่างประเทศ ชื่อ เอช.สะเล็ด
๒๑
กันยายน ๒๔๓๙
เริ่มกิจการ ผู้ใหญ่บ้าน ตามระเบียบการปกครองอย่างใหม่ ที่บางปะอิน
๑๕
มกราคม ๒๔๓๙
อังกฤษและฝรั่งเศส ร่วมลงนามในสัญญาเคารพสิทธิของประเทศไทย
๒๑ มีนาคม
๒๔๓๙
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศพระราชกำหนดผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ร.ศ.๑๑๕ ตั้งสมเด็จพระนางเจ้า เสาวภาผ่องศรี พระบรมราชินีนาถ เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน
ในโอกาสที่พระองค์จะเสด็จประพาสยุโรป ระหว่าง ๗ เมษายน ถึง ๑๖ ธันวาคม ๒๔๔๐
นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาพระมเหสี เป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน
๒๖
มีนาคม ๒๔๓๙
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้เปิดการเดินรถไฟเป็นปฐมฤกษ์จากกรุงเทพ
ฯ ไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อันเป็นส่วนหนึ่งของทางไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ
ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย กำหนดให้วันที่ ๒๖ มีนาคม ของทุกปี เป็นวันกำเนิดกิจการรถไฟไทย
พ.ศ.๒๔๔๐
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งโรงเรียนสอนวิชากฎหมาย
๗ เมษายน
๒๔๔๐
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จประพาสต่างประเทศทางยุโรป เป็นครั้งแรก
เพื่อทอดพระเนตรการปกครองของอารยะประเทศ รวมเวลา ๗ เดือน โดยเรือพระที่นั่งมหาจักรี
มีเรือมกุฎราชกุมาร และเรือยงยศอโยชฌิยา เป็นเรือรบตามเสด็จเพียงเมืองสิงคโปร์
๑๕
เมษายน ๒๔๔๐
สมเด็จพระศรีพัชรินทรา ฯ ทรงเป็นองค์ประธานที่ปรึกษาข้าราชการแผ่นดิน
๒๐
พฤษภาคม ๒๔๔๐
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติปกครองท้องถิ่น
ร.ศ. ๑๑๖ เป็นฉบับแรก
๑๐
มิถุนายน ๒๔๔๐
มีการฉายภาพยนตร์ครั้งแรกในไทย ที่โรงละคร หม่อมเจ้าอลังการ์
๑
กรกฎาคม ๒๔๔๐
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จถึงกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ตามระยะทางเสด็จทวีปยุโรป
ออกจากกรุงวอร์ซอ เมื่อ ๒ กรกฎาคม และเสด็จต่อไปยังประเทศรัสเซีย
๓
กรกฎาคม ๒๔๔๐
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จถึงประเทศรัสเซีย ประทับที่พระราชวังปิเตอร์ฮอพ
เมืองเซนต์ปิเตอร์สเบิร์ค
๙
กรกฎาคม ๒๔๔๐
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จเมืองมอสโคว์ ประเทศรัสเซีย
๑๙
กันยายน ๒๔๔๐
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ เสด็จพระราชดำเนินเยือนฝรั่งเศส ในคราวเสด็จประพาสยุโรป
ครั้งแรก
๑๖
พฤศจิกายน ๒๔๔๐
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ตราพระราชบัญญัติสุขาภิบาลและตั้งสุขาภิบาลมณฑลกรุงเทพ
ฯ ขึ้น
๑
เมษายน ๒๔๔๑
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้จัดตั้งกรมเสนาธิการทหารบกขึ้น
พระองค์เจ้าจิรประวัติ ดำรงตำแหน่งเป็น เสนาธิการทหารบก พระองค์แรกในกองทัพไทย
๑๗
มิถุนายน ๒๔๔๑
ประกาศโครงการศึกษา ร.ศ.๑๑๗ ขณะนั้นมีพลเมือง ๖ ล้าน เด็กในเกณฑ์เรียน ๔๙๐,๐๐๐
คน
๒๑
สิงหาคม ๒๔๔๑
ประกาศเงินตราอย่างใหม่เรียกว่า สตางค์
พ.ศ.๒๔๔๒
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้มีการจัดตั้งกองทหารไปประจำตามหัวเมืองต่าง
ๆ ทั่วไป เพื่อสดวกในการวางกำลังไว้ด้วยพื้นที่ยุทธศาสตร์และเปลี่ยนนามหน่วยทหารให้เป็นลำดับทั่วกัน
๒๙
เมษายน ๒๔๔๒
วันประสูติ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย ทรงเป็นนักการคลัง และนักการเงินคนสำคัญคนหนึ่งของไทย
หลังจากสงครามมหาเอเซียบูรพาสิ้นสุดลง ท่านได้รับแต่งตั้งเป็น หัวหน้าคณะผู้แทนไทย
ไปเจรจาและลงนามในความตกลงสมบูรณ์แบบระหว่างไทยกับอังกฤษ สิ้นพระชนม์เมื่อพระชนมายุ
๖๐ พรรษา
๔
พฤษภาคม ๒๔๔๒
วันเปิดเรียนของนักเรียนนายเรือรุ่นแรก มีนักเรียนนายเรือ ทั้งหมด ๑๒ คน
๒๓
พฤษภาคม ๒๔๔๒
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าฟ้าอัษฎางค์ ฯ เป็นผู้แทนพระองค์อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ
โดยกระบวนแห่จากพระบรมมหาราชวัง มาบรรจุไว้ ณ พระเจดีย์องค์ใหญ่บนยอดภูเขาทอง
วัดสระเกศ และโปรดเกล้า ฯ ให้เรียกชื่อภูเขาทองให้ถูกต้องว่า
บรมบรรพต
๑๕
สิงหาคม ๒๔๔๒
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ ให้ตัดถนนราชดำเนิน
ประกอบด้วยถนนราชดำเนินใน ยาว ๕๒๕ เมตร ถนนราชดำเนินกลาง ยาว ๑,๒๐๐ เมตร และถนนราชดำเนินนอก
ยาว ๑,๔๗๕ เมตร รวมทั้งสิ้นยาว ๓.๒ กิโลเมตร
๒๙
ธันวาคม ๒๔๔๒
วางสายโทรเลขระหว่างเชียงใหม่กับเชียงแสน
๔
เมษายน ๒๔๔๓
กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑลอิสาน อยู่เมืองอุบลราชธานีได้นำกองทหารชาวกรุงเทพ
ฯ และทหารชาวพื้นเมืองซึ่งได้รับการฝึกมาแล้ว กับได้รับความร่วมมือของกองทัพเมืองนครราชสีมา
และเมืองบุรีรัมย์ สามารถจับพวกกบฎผีบุญผีบ้าที่เกิดขึ้นที่เมืองอุบลราชธานีได้
๑๑
มิถุนายน ๒๔๔๓
สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ ทรงสำเร็จการศึกษาวิชาการทหารเรือจากอังกฤษเป็นพระองค์แรก
เสด็จกลับถึงกรุงเทพ ฯ แล้วทรงโปรดเกล้า ฯ พระราชทานยศเป็นนายเรือโท พระองค์ได้ทรงบากบั่นก่อสร้างกองทัพเรือไทยให้แข็งแกร่งขึ้น
ทรงพระวิริยะอุตสาหะอย่างแรงกล้า ที่จะให้คนไทยมีความสามารถในกิจการทหารเรือ
จนได้รับการขนานนามจากกองทัพเรือ เมื่อ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖ ว่า พระบิดาของกองทัพเรือไทย
๒๑
ตุลาคม ๒๔๔๓
วันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงสำเร็จการศึกษาแผนกสาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
และเมื่อปี ๒๔๖๓ ได้อภิเษกสมรสเป็นหม่อมสังวาลย์ มหิดล ณ อยุธยา ในสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล
ฯ ในปี ๒๔๘๐ ได้รับโปรดเกล้า ฯ จากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล (รัชกาลที่
๘) ให้สถาปนาขึ้นเป็นพระราชชนนีศรีสังวาลย์ และสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์
ตามลำดับ เมื่อ ๙ มิถุนายน ๒๕๑๓ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
โปรดเกล้า ฯ ให้เป็นสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนี
๖
ธันวาคม ๒๔๔๓
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ โปรดเกล้า ฯ นิมนต์พระสงฆ์จำนวน ๓๓ รูป เท่ากับปีที่เสวยราชย์
จากวัดมหาธาตุมาอยู่กัดเบญจมบพิตร
พ.ศ.๒๔๔๔
เกิดกบฎผีบุญผีบ้า
ที่จังหวัดอุบล ฯ
|