| 
	 | 
 
  |  ความเป็นมา
 | 
 
  |   | 
 
  | 
	คณะกรรมการรณรงค์เพื่อภาษาไทย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
  ได้ตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของภาษาไทย และมีความห่วงใยในปัญหาต่างๆ
  ที่เกิดขึ้นต่อภาษาไทย
  และเพื่อกระตุ้นและปลุกจิตสำนึกให้คนไทยทั้งชาติได้ตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของภาษาไทย
  ตลอดจนร่วมมือกันทำนุบำรุง ส่งเสริม
  และอนุรักษ์ภาษาไทยให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป จึงได้เสนอขอให้รัฐบาลประกาศให้วันที่
  ๒๙ กรกฎาคม ของทุกปี เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ เช่นเดียวกับวันสำคัญอื่นๆ
  ที่รัฐบาลได้จัดให้มีมาก่อนแล้ว เช่น 
	วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ และ
  วันสื่อสารแห่งชาติ เป็นต้น
  และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันอังคารที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๔๒ เห็นชอบให้วันที่ ๒๙ กรกฎาคม
  ของทุกปีเป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ | 
 
  | 
	  | 
 
  |  เหตุผล
 | 
 
  |   | 
 
  | 
	ประเทศไทยมีภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติ
  อันเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของชาติ สมควรจะได้รับการทำนุบำรุงส่งเสริม และอนุรักษ์ไว้ให้ยั่งยืนตลอดไป
   | 
 
  | 
	  | 
 
  | 
	ทั้งนี้ในยุคปัจจุบันวิชาการและเทคโนโลยีต่างๆ
  ได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วเกิดเทคนิคใหม่ๆ ในการติดต่อสื่อสาร
  มี่มุ่งเน้นความสะดวกรวดเร็ว
  ส่งผลให้ภาษาไทยซึ่งเป็นสื่อกลางสำคัญในการติดต่อและผูกพันต่อการดำรงชีวิตประจำวันของคนไทยได้รับผลกระทบ
  ทั้งภาษาพูดและภาษาเขียน
  ทำให้ภาษาไทยเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างน่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง
  สภาพการณ์เช่นนี้หากไม่เร่งรีบหาทางแก้ไขและป้องกันเสียแต่เนิ่นๆ
  การใช้ภาษาไทยของเราก็จะยิ่งเสื่อมลง
  จะส่งผลเสียหายต่อเอกลักษณ์และคุณค่าของภาษาไทยเป็นทวีคูณ | 
 
  | 
	  | 
 
  | 
	ทำไมจึงได้กำหนดให้วันที่ ๒๙ กรกฎาคม
  เป็น  
	วันภาษาไทยแห่งชาติ
   | 
 
  |   | 
 
  | 
	เพราะวันดังกล่าว
  ตรงกับวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินไปเป็นประธานและทรงร่วมอภิปรายในการประชุมทางวิชาการของชุมนุมภาษาไทย
  คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ณ ห้องประชุมคณะอักษรศาสตร์ เมื่อวันที่ ๒๙
  กรกฎาคม ๒๕๐๕ ทรงเปิดการอภิปรายในหัวข้อ 
	ปัญหาการใช้คำไทย ทรงดำเนินการอภิปรายและทรงสรุปการอภิปรายอย่างดีเยี่ยม
  แสดงถึงพระปรีชาสามารถและความสนพระราชหฤทัยและความห่วงใยในภาษาไทย
  เป็นที่ประทับใจผู้เข้าร่วมการประชุมในครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่ง
  นับเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของวงการภาษาไทย
  ที่ได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณดังกล่าว
  และในโอกาสต่อๆ
  มาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังได้ทรงแสดงความสนพระราชหฤทัยและความห่วงใยในภาษาไทยอีกหลายโอกาส
  เช่น ได้พระราชทานพระราชดำรัสเกี่ยวกับปัญหาในการใช้ภาษาไทยของประชาชนชาวไทยในปัจจุบัน
  ในวโรกาสที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
  ให้ข้าราชการและองค์กรเอกชนเข้าเฝ้าถวายชัยมงคล เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา
  พุทธศักราช ๒๕๓๕ นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงย้ำให้ประชาชนชาวไทยตระหนักถึงความสำคัญของภาษาไทยและพระราชทานแนวความคิดในการอนุรักษ์ภาษาไทยในโอกาสต่างๆ
  อยู่เสมอ ที่สำคัญยิ่งกว่านี้ คือ เป็นที่ประจักษ์ว่า
  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระปรีชาญาณและพระอัจฉริยภาพในการใช้ภาษาไทยทรงรอบรู้ปราดเปรื่องถึงรากศัพท์ของคำไทย
  คือ ภาษาบาลีและสันสกฤต ทรงพระอุตสาหะวิริยะแปลและเรียบเรียงวรรณกรรมภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทยที่สมบูรณ์ด้วยลักษณะวรรณศิลป์
  มีเนื้อหาสาระที่มีคุณค่าเป็นคติในการเสียสละเพื่อส่วนรวม
  และเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนในการใช้ภาษาไทย
  ดังจะเห็นได้จากพระราชนิพนธ์แปลเรื่องนายอินทร์ผู้ปิดทองหลังพระ ติโต พระราชนิพนธ์แปลบทความเรื่องสั้นๆ
  หลายบท และพระราชนิพนธ์ เรื่อง พระมหาชนก นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมที่สุดมิได้แก่วงการ | 
 
  | 
	  | 
 
  |  วัตถุประสงค์
 | 
 
  |   | 
 
  | 
	๑.   เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
  ผู้ทรงเป็นนักปราชญ์ และนักภาษาไทย รวมทั้งเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ได้ทรงแสดงความห่วงใยและพระราชทานแนวคิดต่างๆ
  เกี่ยวกับการใช้ภาษาไทย | 
 
  | 
	๒.   เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
  เนื่องในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒ | 
 
  | 
	๓.   เพื่อกระตุ้นและปลุกจิตสำนึกของคนไทยทั้งชาติให้ตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของภาษาไทย
  ตลอดจนร่วมมือร่วมใจกันทำนุบำรุงส่งเสริม และอนุรักษ์ภาษาไทย
  ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และเป็นสมบัติวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติให้คงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป | 
 
  | 
	๔.   เพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพในการใช้ภาษาไทย ทั้งในวงวิชาการและวิชาชีพ
  รวมทั้งเพื่อยกมาตรฐานการเรียนการสอนภาษาไทยในสถานศึกษาทุกระดับให้มีสัมฤทธิผลยิ่งขึ้น | 
 
  | 
	๕.   เพื่อเปิดโอกาสให้หน่วยงานต่างๆ
  ทั้งภาครัฐบาลและเอกชนทั่วประเทศมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมที่หลากหลาย
  เพื่อเผยแพร่ความรู้ภาษาไทยในรูปแบบต่างๆ ไปสู่สาธารณชนทั้งในฐานะที่เป็นภาษาประจำชาติ
  และในฐานะที่เป็นภาษาเพื่อการสื่อสารของทุกคนในชาติ | 
 
  | 
	  | 
 
  |  ประโยชน์ที่ได้รับจากการมี  วันภาษาไทยแห่งชาติ 
 | 
 
  |   | 
 
  | 
	คาดว่าจะมีผลดีสืบเนื่องหลายประการ
  คือ | 
 
  | 
	๑.   การมี วันภาษาไทยแห่งชาติ จะทำให้หน่วยงานต่างๆ
  ทั้งภาครัฐบาลและเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการ
  และทบวงมหาวิทยาลัย ตระหนักในความสำคัญของภาษาไทย
  และร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นเตือน เผยแพร่
  และเน้นย้ำให้ประชาชนเห็นความสำคัญของ ภาษาประจำชาติ
  ของคนไทยทุกคน
  และร่วมมือกันอนุรักษ์การใช้ภาษาไทยให้มีความถูกต้องงดงามอยู่เสมอ | 
 
  | 
	๒.   บุคคลในวงวิชาชีพต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ภาษาไทย
  โดยเฉพาะในวงการศึกษา และวงการสื่อสาร
  ช่วยกันกวดขันดูแลให้การใช้ภาษาไทยเป็นไปอย่างถูกต้อง เหมาะสม
  มิให้ผันแปรเปลี่ยนแปลง
  จนเกิดความเสียหายแก่คุณลักษณะของภาษาไทยอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ | 
 
  | 
	๓.   ผลสืบเนื่องในระยะยาว
  คาดว่าปวงชนชาวไทยทั่วประเทศจะตื่นตัวและสนใจที่จะร่วมกันฟื้นฟู ทำนุบำรุง
  ส่งเสริมและอนุรักษ์ภาษาไทย
  อันเป็นเอกลักษณ์และสมบัติวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติให้ดำรงคงอยู่คู่ชาติไทยตลอดไป | 
 
  | 
	  | 
 
  |  กิจกรรม
 | 
 
  | 
	 | 
 
  |   | 
 
  | เชิญชวนให้สถาบันการศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน จัดกิจกรรมเนื่องใน 
	 วันภาษาไทยแห่งชาติ
  ในวันภาษาไทยแห่งชาติ โดยจัด ในวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ของทุกปี
  โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ เช่นการจัดนิทรรศการ, การอภิปรายทางวิชาการ,
  การประกวดแต่งคำประพันธ์ ร้อยแก้ว ร้อยกรอง การขับเสภา
  การเล่านิทาน ฯลฯ, |