สัมผัสสายหมอกที่ ดอยลังกาหลวง

0

เปิดศักราชสายลมหนาวแห่งขุนดอยสูง ที่นักเดินทางนิยมไปสัมผัสกับบรรยากาศหนาวเย็น และทิวทัศน์งดงามตามแบบฉบับขุนเขาดอยสูง ที่เรามีโอกาสได้ไปสัมผัสกับภาพธรรมชาติเช่นนั้น มันอาจต่างกันในสภาพภูมิประเทศ สภาพอากาศตามฤดูกาลต่างๆดอยลังกา เป็นชื่อเทือกเขาสูงแห่งหนึ่ง  ที่มีรอยต่อพื้นที่ถึง  3 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย และลำปาง มียอดดอยลังกาหลวง เป็นยอดสูงสุด คือ 2,031 เมตร จากระดับน้ำทะเล จัดอยู่ในกลุ่มดอยที่มีความสูง 2,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล ขึ้นไป คือ ดอยอินทนนท์ ดอยผ้าห่มปก ดอยเชียงดาว ดอยกะเจอลา ภูสอยดาว ดอยลังกา

อนึ่งว่าพื้นที่ดอยลังกาหลวงแห่งนี้ ได้อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติขุนแจ นักท่องเที่ยวก็ต้องติดต่อขออนุญาตเดินป่าล่วงหน้าได้ที่อุทยานฯ โดยตรงในการเตรียมตัวเดินป่าสู่ดอยลังกาหลวงสู่ดอยลังกาน้อย หากเดินกันเก่งๆ ก็ใช้เวลา 3 วัน 2 คืน ถ้าดูว่าไปแบบเรื่อยๆ ก็ 4 วัน 3 คืน อุปกรณ์เต็นท์ เครื่องกันหนาว เสบียงอาหารก็ต้องเตรียมไปให้เพียงพอ 

เริ่มต้นจากอุทยานแห่งชาติขุนแจด้วยรถ 4 WD ขับขึ้นไปส่งที่ยอดเขาเรดาห์ ซึ่งเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังดอยผาโง้ม ช่วยย่นระยะทางเดินป่าได้มาก เนื่องระดับความสูงของยอดเขาเรดาห์นั้นก็สูงมีความสูงที่มากกว่า 1,000 เมตร จากระดับน้ำทะเล

เส้นทางเดินป่าที่อยู่บนสันเขาทำให้เราได้เดินป่าได้สบายๆ ลักษณะป่าเบญจพรรณที่ผสมผสานด้วยไม้หลากชนิด บางช่วงก็เป็นป่าสน เราข้ามเขาข้ามดอยมาหลายลูก ก็เหน็ดเหนื่อยกันหลายรอบ จนกระทั่งมองเห็นดอยผาโง้มเบื้องหน้า ตรงเชิงเขาก็เห็นร่องรอยแค้มป์เก่าเป็นลานโล่งกว้าง แต่ทีมเรานั้นมีเป้าหมายที่ดอยลังกาหลวง เพราะโปรแกรมได้กำหนดไว้แค่ 3 วัน 2 คืน

เจ้าหน้าที่นำทางพาเราเดินตามเส้นทางเลาะเชิงดอยจะเป็นการอ้อมยอดดอยผาโง้ม ไม่ผ่านแนวยอดที่เราจะได้เห็นภูมิทัศน์ของดอยผาโง้มในมุมที่สวยงามกว่าจะเดินผ่านทางเลาะเชิงดอยก็ต้องใช้เวลานานไม่น้อย เพราะต้องระมัดระวังเรื่องข้อเท้าเป็นพิเศษ เพราะอาจพลาดลื่นจนเกิดข้อเท้าแพลงขึ้นมาได้ ซึ่งกว่าลุผ่านไปถึงสันดอยที่เป็นเส้นทางหลักที่เชื่อมต่อระหว่างดอยผาโง้มกับดอยลังกาหลวง  และอีกไม่ไกลเราก็ได้ขึ้นมาถึงดอยลังกาหลวง เลือกพักในทำเลป่าดงดิบ เป็นแค้มป์เก่า ใกล้แหล่งน้ำ ใกล้จุดชมวิวยอดสูงสุด

ยามเย็นท่ามกลางป่าดงดิบ มีอากาศที่หนาวเย็นมาก มึความชื้นสูงสภาพบรรยากาศทั่วไปดูมืดครึ้ม ท้องฟ้าเปิด จนกระทั่งใกล้พลบค่ำ ก็เป็นช่วงจังหวะที่ท้องฟ้าเปิดและเกิดเป็นทะเลหมอกไหลคลุมหุบเขาด้านล่างที่อยู่เหนือป่าดงดิบ ซึ่งเป็นภาพที่งามอีกรูปแบบหนึ่ง

ยามค่ำคืนในป่าดงดิบบนดอยลังกาหลวง จะมีอากาศที่หนาวเย็นมาก ได้แนวป่าทึบช่วยบดบังลมหนาวได้เป็นอย่างดี   กระทั่งตี 5 พวกเราได้ตื่นขึ้นมาพร้อมเตรียมกล้องคู่ใจเดินไปขึ้นบนยอดสูงสุดของดอยลังกาหลวงเพื่อไปชมภาพที่สวยงามในยามเช้า

ในโมงยามเช้าตรู่เราเห็นท้องฟ้าโปร่งใส มีดาวระยิบค้างฟ้า น้ำค้างพร่างพราวตามยอดหญ้า จนขากางเกงเปียกชุ่ม  จนท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นมาบ้าง ดวงดาวยังส่งแสงประกายระยิบ สายลมหนาวที่พัดผ่านยอดดอยสูงสุด นี่คือ บรรยากาศยามเช้าบนยอดดอยลังกาหลวงในจุด  2,031 เมตร จากระดับน้ำทะเล ท้องฟ้าใสมาก เชื่อได้เลยว่าเราต้องพบภาพแสงสีทองที่สาดลงทุ่งหญ้าอย่างแน่นอน เสียดายตรงที่เราไม่ได้พบเห็นทะเลหมอกเกิดขึ้นในเช้าวันนี้

รอเวลาสำคัญมาถึงเมื่อแสงสีทองจากพระอาทิตย์ได้สาดมาทั่วขุนเขา เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่เราต้องรีบบันทึกภาพเอาไว้ ก่อนที่แสงสีจะจางหายไป

เมื่อมองไปทางด้านหลังที่ปรากฏเห็นภาพดอยผาโง้มชูยอดสูงเด่น พร้อมกับมีสายหมอกไหลโค้งประกอบเป็นภาพที่มีเรื่องราวด้วยแสงเงา สายหมอกและสภาพภูมิประเทศ จนเกิดเป็นความลงตัวของภาพธรรมชาติ และยังมีเทือกดอยผีปันน้ำปรากฏเป็นฉากหลังอยู่ถัดออกไป

ดอยลังกาหลวง เป็นยอดดอยสูงที่สุดในละแวกนี้ และยังเป็นแนวเขตรอยต่อถึง 3 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย และลำปาง และมีแนวเขตป่าอุทยานแห่งชาติถึง 3 พื้นที่ด้วยกัน คือ อุทยานแห่งชาติขุนแจ อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ และอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จัดได้ว่าเป็นผืนป่าอนุรักษ์ที่มีสภาพป่าที่สมบูรณ์ เป็นผืนป่าต้นน้ำที่หล่อเลี้ยงให้กับชุมชนถึง 3 จังหวัดด้วยกัน

หลังจากอาหารเช้าแล้ว พวกเราได้เคลื่อนย้ายที่พักเพื่อเดินทางไปยังยอดดอยลังกาน้อยที่เป็นส่วนหนึ่งของเทือกดอยลังกา ที่มีระดับความสูงประมาณ 1,800 เมตร จากระดับน้ำทะเล ระหว่างทางเราได้พบกับสภาพป่าดงดิบที่มีความสมบูรณ์ ตลอดจนป่าทุ่งหญ้า ป่าสนที่กระจายอยู่ตามแนวสันดอย ระยะทางระหว่างดอยลังกาหลวงกับดอยลังกาน้อยนั้น ก็ไม่ไกลมากนัก ประมาณว่าช่วงเย็นๆ ก็ถึงที่พักพอดี

ในช่วงที่เป็นป่าดงดิบยังได้สายน้ำตกขนาดเล็ก มีน้ำตลอดทั้งปี เราจอดพักอาบน้ำอาบท่ากันสักครั้งก่อนที่จะไปพักบนยอดดอย เนื่องจากด้านบนมีเพียงแค่แหล่งน้ำซับ เพื่อใช้สำหรับหุงอาหารเท่านั้น

ช่วงยามเย็นที่เรามาถึงลานทุ่งหญ้าบนสันเขาที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ป่าสนที่ยืนต้นเรียงรายตามเชิงดอยลังกาน้อย ที่จัดได้ว่าเป็นภูมิทัศน์ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง สวยเด่นสะดุดตา หากจะเทียบกับดอยลังกาหลวงแล้ว ทิวทัศน์ของดอยลังกาน้อยจะสวยกว่า ด้วยองค์ประกอบทิวทัศน์ป่าสน ทุ่งหญ้าที่มีไล่เลียงไปตามแนวสันดอยโค้งเว้าและลาดเทด้วยสัดส่วนของธรรมชาติ    เช้าวันรุ่งขึ้นสภาพอากาศสดใสพอประมาณ แสสีทองได้สาดฉายลงมาบนพื้นทุ่งหญ้า จนกลายเป็นทุ่งหญ้าสีทอง ในบริเวณหุบเขาก็พบทะเลหมอกเลื่อนไหลอย่างงามแปลกตา เป็นคลื่นเป็นสายไหลไปตามสภาพภูมิประเทศ ประกอบกับสีสันที่เกิดขึ้นตามร่องหุบเขา ซึ่งเป็นภาพสวยงามของดอยลังกาหลวง-ดอยลังกาน้อย ก่อนที่จะเดินทางกลับลงจากยอดเขาสู่บ้านแม่ตอนหลวง

ปราการธรรมชาติบนขุนดอยลังกาน้อยที่มีเส้นทางเชื่อมไปยังหมู่บ้านแม่ตอนหลวง ที่มีสภาพสูงชันมากๆ น้อยนักที่นักท่องเที่ยวจะเดินขึ้นมาทางด้านนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะเลือกเป็นเส้นทางลงเสียมากขึ้น ซึ่งจะเข้าตามรูปแบบโปรแกรม 3 วัน 2 คืน ที่เริ่มเดินจากสถานีเรดาห์ ผ่านดอยผาโง้ม มาค้างที่ดอยลังกาหลวงในคืนแรก และคืนต่อมามาพักค้างที่ดอยลังกาน้อย แล้วลงไปยังบ้านแม่ตอนหลวง

เส้นทางลงเขาค่อนข้างชัน มีเส้นทางแคบๆ ให้เลาะเดินอย่างน่าหวาดเสียว กว่าจะผ่านไปได้ต้องใช้เวลานานพอควร ต่อจากนั้นลงเขาอย่างต่อเนื่องจนถึงหมู่บ้าน ก็จบสิ้นโปรแกรมเดินป่าดอยลังกาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ rพร้อมกับนำภาพมาสวยๆ มาให้ชมกันข้อมูลการเดินทาง
กรุงเทพฯ-เชียงใหม่  จะมีรถทัวร์ประจำทางให้เลือกหลายบริษัท สามารถสอบถามราละเอียดที่ สถานี บขส.หมอชิตใหม่ โทร. 0-2936-1860 , 0-2936-3659-60, 0-2537-8055

ชัยสิทธิทัวร์ โทร.0-2936-3553

-นิววิริยะทัวร์ โทร.0-2936-2205-6

สมบัติทัวร์ โทร.0-2936-2495-6,9

-สยามเฟิร์ส โทร.0-2936-2953

เชียงใหม่-อุทยานแห่งชาติขุนแจ เดินทางจากเชียงใหม่-ดอยสะเก็ด-เชียงราย ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 118 อยู่ในช่วง กม.55-56 สามารถนั่งรถโดยสารประจำทางได้ แต่อาจช้าหน่อย หรือจะเช่าเหมารถไปรับส่งได้

การติดต่อ
อุทยานแห่งชาติขุนแจ ต.แม่เจดีย์ใหม่ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย 57290 โทร.0-5360-9262, 0-1472-0391

เชิญแสดงความคิดเห็น