“ทุ่งสมอปูน” ป่าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ คือเส้นทางเดินป่าที่นักเดินป่ารุ่นเก่าๆ รู้จักเป็นอย่างดี เพราะอยู่ใกล้กรุงเทพฯ การเดินทางสะดวก เดินป่าไม่ยากนัก เพราะมีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 807 เมตร
เส้นทางเดินป่า “ทุ่งสมอปูน” ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จะเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการเดินป่าศึกษาธรรมชาติ โดยด้านพืชพรรณไม้ในช่วงหน้าฝน หรือช่วงปลายฝน เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศเป็นลานหินทรายกระจายอยู่ทั่วสันเขา มีสภาพป่าเป็นป่าแคระเนื่องจากต้นไม้ไม่สามารถหยั่งรากลงได้ลึก และในบริเวณลานหินทรายเหล่านี้ก็พบหมู่ดอกไม้ป่าหน้าฝนขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก
ภาพความสวยงามของหมู่ดอกไม้บนเขาสมอปูน จึงเป็นที่หมายปองของนักเดินป่าที่ต้องการไปชมดอกไม้ธรรมชาติที่ขึ้นอยู่หลากชนิด และสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ การไปสัมผัสธรรมชาติป่าเขาที่สวยงาม อากาศบริสุทธิ์ โดยใช้เวลาเดินป่าประมาณ 2 วัน 1 คืน โดยใช้เส้นทางเดินขึ้นจาก กม.14 ด่านเนินหอม และกลับลงเส้นทางเดิมหรือ 3 วัน 2 คืน เป็นโปรแกรมเดินยาวจาก กม.14 ไปออกน้ำตกเหวอีอ่ำที่หน่วยเพกา โดยมีรูปแบบของเส้นทางที่เหมาะสมกับเงื่อนไขเวลาของแต่ละคน
ช่วงแรกของการเดินป่าจะผ่านป่าดงดิบ จะพบร่องรอยของช้างป่าอยู่บ้าง เป็นเส้นทางที่ค่อยๆ ไต่สูงขึ้น แต่ไม่ชันมากนัก จังหวะการก้าวเดินก็ย่างก้าวควรให้สม่ำเสมอ อย่าเร่งรีบ ปรับการหายใจให้สัมพันธ์กับการก้าวเดิน ก็ช่วยให้เราไม่เหนื่อย เส้นทางค่อนข้างชัดเจน และค่อยๆ ลาดชันขึ้นไป บางช่วงก็เป็นทางชันยาว จนกระทั่งมาถึงต้นน้ำที่เราต้องผ่านช่วงที่ชันที่สุด จะเป็นหน้าผาน้ำตก เราต้องปีนชั้นหน้าผาน้ำตกขึ้น ตัดเข้าป่าทึบที่หัวน้ำตก เมื่อพ้นจุดนี้ขึ้นไปแล้วอีกไม่นานก็จะถึงลานหินบนยอดเขาสมอปูน มีลักษณะเป็นลานโล่งกว้าง มีร่องหินเป็นแนวธรรมชาติ
ลานหินทางด้านตะวันออก เรียกว่า “ทุ่งหน้าผา” จะเป็นแนวหน้าผาที่สามารถชมวิวทิวทัศน์ได้ ตามลานหินเราจะพบ “เอื้องม้าวิ่ง” ขึ้นเป็นกลุ่มเป็นกอ มีสีสันสวยเด่นที่เราสามารถมองเห็นได้แต่ไกล นักถ่ายภาพที่หอบหิ้วกล้องขึ้นก็วางเป้ปักหลักถ่ายภาพกันเลย ลักษณะของภาพแล้วจะต้องเลือกถ่ายภาพมาโครเป็นหลัก ซึ่งต้องใช้เวลาและความพิถีพิถันกันอย่างสุดฝีมือ
นอกจากนี้ยังเห็น “หญ้าปราบดอย” มีดอกสีม่วงสดสวยอยู่ด้วย ช่อดอกเป็นปุยมีเกสรเกสรสีเหลืองแทรกอยู่ด้วย บางกอจะมีแมงมุมมาถักใยคลุมดอกเอาไว้ เพื่อดักรอจับเหยื่อที่จะมาดูดน้ำหวานจากเกสรดอกไม้
ทั่วบริเวณลานหินยังพบกับ “เอื้องนวลจันทร์” มีสีเหลืองพลิ้วไสวตามสายลม ตามซอกหินยังพบ “ดอกดุสิตา” ขึ้นกระจายอยู่บางตา คงจะสู้ที่ทุ่งโนนสนไม่ได้ ความสมบูรณ์ของดอกไม้ชนิดนี้สู้กันไม่ได้ ที่ทุ่งโนนสนจะหนาแน่นกว่า และมีมากกว่าด้วย สำหรับที่ทุ่งสมอปูนเท่าที่ดูก็พอใช้ได้
โลกธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของหมู่ดอกไม้ในช่วงฤดูฝน ที่เริ่มมีมวลดอกไม้ผลิบานตามลานหินบ้างแล้ว โดยเฉพาะ ดอกกระดุมเงิน จะขึ้นเป็นกลุ่มหนาตาเช่นกัน แต่ขนาดของดอกมีขนาดเล็ก ขึ้นกระจายตามลานหินและแหล่งน้ำซับทั่วไป
จากหัวเขาที่มีความสูงประมาณ 807 เมตร ลงไปสู่ที่ราบบนสันเขาที่มีลักษณะเป็นลานหินป่าแคระที่มีระดับความสูงประมาณ 700 เมตร จากระดับน้ำทะเล จะมีลักษณะเป็นที่ราบเดินกันสบายๆ ในทำเลที่พักเราจะเลือกเอาบริเวณที่มีแหล่งน้ำ แถวบริเวณลานสุริยันต์ก็มีให้อยู่หลายจุด
สภาพป่าด้านบนเขาสมอปูนป่าแคระ ป่าเสม็ด ป่าทุ่งหญ้า และถัดลึกเข้าไปด้านในจะเป็นป่าดงดิบ ที่เชื่อมต่อกับเทือกเขาน้อยใหญ่ในอาณาเขตของผืนป่าเขาใหญ่ ที่กลายเป็นบ้านหลังใหญ่ของสัตว์ป่ามากมาย
ต่อจากทุ่งหน้าผา เราก็ยัง ลานสุริยันต์ เป็นลานหินทรายมีรูปทรงแปลกตา ช่วงปลายฤดูฝนจะมีดอกไม้ขึ้นหน้าตา หากเราชอบแสวงหา ตามแนวป่า ตามโขดหิน เราจะพบกล้วยไม้ประเภท เอื้องรวงข้าว ใบพัดสิงโตแดง กำลังผลิดอกบานอย่างสวยงามเช่นกัน นักท่องเที่ยวสามารถค้างแรมบนเขาสมอปูนได้ในบริเวณลานสุริยันต์ที่มีแหล่งน้ำ และยังชมทิวทัศน์จากยอดเขาได้อีก เพราะมีสภาพภูมิทัศน์โล่งกว้าง ไม่อึกอัดเหมือนกับป่าทึบ และมีบรรยากาศเงียบสงบ
บนสันเขาสมอปูนที่มีลักษณะเป็นที่ราบ สูงประมาณ 700 เมตร จากระดับน้ำทะเล แนวเทือกเขาเอียงลาดไปทางด้านตะวันออก จะพบทุ่งหญ้าอีกหลายแห่งที่เราอาจพบทุ่งดอกหงอนนาคได้เช่นกัน เป็นดอกไม้ที่สมบูรณ์อีกจุดหนึ่ง
บรรยากาศการตั้งค้างแรมบนสันเขาสมอปูน เราจะพบกับบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติล้วนๆ เวลาช่วงเย็นเราก็ได้เก็บบันทึกหมู่ดอกไม้และกล้วยไม้ได้หลากชนิด ไม่ว่าจะเป็นเอื้องทอง เอื้องรวงข้าว เอื้องใบพัดสิงโตแดง หรือจะเป็นพันธุ์พืชชนิดอื่นๆ เท่าที่เห็นก็พบชนิดที่น่าสนใจเช่นกัน
ทุกคนได้พักผ่อนกันเต็มอิ่มหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการขึ้นยอดเขามาในวันแรก เช้าวันรุ่งขึ้น เราได้พบกับบรรยากาศของสายหมอกที่แผ่ขาวโพลนไปทั่วยอดเขา เจ้าหน้าที่นำทางได้นำพาพวกเราออกเดินทางไปยังเป้าหมายแห่งใหม่ คือ คลองหินดาด ที่อยู่ไปทางตะวันออกของเขาสมอปูน
เจ้าหน้าที่นำทางพาพวกเราตัดป่าไผ่ เพื่อข้ามแนวเขาด้านตะวันออก ซึ่งต้องผ่านดงไผ่ปล้องอยู่พักใหญ่ จึงมาถึงร่องหุบเขาอยู่เบื้องหน้า เสียงน้ำไหลกระทบแก่งหินดังซู่ซ่าไม่ขาดสาย บนพื้นดินร่วนเราพบรอยกระทิงโทนขนาดใหญ่ คาดว่ามันคงขึ้นมาหากินหน่อไผ่ในแถวนี้
ลงถึงทุ่งหญ้าลานหินกว้างก็พบกอดอกเอื้องม้าวิ่งขนาดใหญ่ กำลังชูดอกสีม่วงสดใส นับช่อดอกดูมีอยู่เกือบ 10 ช่อดอก เราเลยต้องหยุดเก็บภาพความงดงามเหล่านั้นไว้อย่างเต็มที่
ถัดไปจากกอดอกม้าวิ่ง จะมีลำธารเล็ก ๆ ชาวบ้านเรียกว่า คลองฟันปลา มีสาขาแยกกันสองสาย เลยเรียกคลองสายนี้ว่า คลองฟันปลา 1 ส่วน คลองฟันปลา 2 เราจะต้องเดินข้ามเนินเขาอีกลูกหนึ่งไปถึงจะเจอ
บนเนินเขาระหว่างคลองฟันปลา 1 กับคลองฟันปลา 2 มีสภาพเป็นป่าไผ่ปล้อง มีช่องทางเดินจนกระทั่งลุเข้าหุบเขาร่อง คลองฟันปลา 2 มีสภาพเป็นลานหิน ลำธารน้ำ มีหมู่ดอกไม้เล็ก ๆ กระจายไปทั่ว
แวะพักทานอาหารเที่ยงที่คลองฟันปลา 2 ต่อจากนั้นก็ได้เดินทางกันต่อ เริ่มเข้าบริเวณทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไพศาล มีอาณาพื้นที่นับพันไร่ ลักษณะภูมิประเทศโล่งกว้าง มีแนวป่ารายรอบข้าง มีลักษณะเป็นป่าแคระหรือเป็นป่าเบญจพรรณ เราเริ่มสนใจกับพื้นทราย ที่ปรากฏเป็นภาพมวลหมู่ดอกไม้อย่างจำนวนมาก กระดุมเงิน ชูดอกขาวสลอน บางแห่งเกาะกลุ่มขึ้นเป็นผืนใหญ่ มีสลับด้วยหยาดน้ำค้างขนาดเล็กเป็นดอกสีแดงสดสวย ถัดไปอีกหน่อยจะมีสวนหินขนาดย่อมวางเรียงรายอย่างเป็นธรรมชาติ
ในบริเวณลานหิน มีดอกกระดุมเงินขึ้นเป็นหย่อม ๆ มีหยาดน้ำค้าง ดอกดุสิตา ขึ้นปะปนด้วย ไกลออกไปเราได้ยินเสียงลำธารไหลกระทบหินดังซู่ซ่า คาดว่าคงเป็นน้ำตกลานหินดาดก็คงเป็นเป้าหมายของการพักค้างแรมในวันนี้
แก่งหินดาด ที่เกิดขึ้นกลางคลองหินดาด มีลักษณะเป็นลานหินกว้างใหญ่ มีสายน้ำไหลหลากไปตามแนวร่องน้ำ ที่ไหลหลากลานหินคดโค้งเป็นแนวยาวลงมาไม่น้อยกว่า 300 เมตร ลดหลั่นลงมาเป็นระดับชั้นเล็ก ๆ ดูเป็นลักษณะแก่งธารน้ำ หากเป็นช่วงน้ำหลากจะดูยิ่งใหญ่ไม่น้อยเลย
บรรยากาศของแก่งหินดาด นอกจากจะเป็นแก่งขนาดกว้างใหญ่แล้ว ยังมีชั้นน้ำตกขนาดเล็กอยู่ตอนล่างท้ายแก่ง เราก็เลือกหามุมถ่ายภาพมาได้หลายมุมเช่นกัน
เช้าวันรุ่งขึ้น ท่ามกลางอากาศสดใส เสียงสายน้ำของแก่งหินดาดก็ยังไม่ขาดหาย ท้องฟ้าไม่มีการส่อแววของฝนฟ้าแต่ประการใด แสงแดดยามเช้าทอดแสงอย่างอบอุ่น ในช่วงเวลาดังกล่าวเราจึงออกสำรวจหมู่มวลดอกไม้ที่อยู่ในละแวกลานหินดาด พบว่ามีจำพวกกระดุมเงินมากที่สุด มีดุสิตาแซมสลับในกลุ่มกระดุมเงิน หยาดน้ำค้างก็ขึ้นปะปนอยู่ด้วย ส่วนเอื้องนวลจันทร์พบเห็นตามชายทุ่งที่เป็นลักษณะลานหิน
พวกเราจึงเคลื่อนย้ายออกเดินทางมุ่งหน้าต่อไปยังเป้าหมายคือ น้ำตกเหวอีอ่ำ โดยมีเจ้าหน้าที่นำทางพาตัดทุ่งที่ราบกว้างใหญ่ จากน้ำตกลานหินดาดเราจะต้องข้ามคลอง จนทะลุออกมายังแนวป่าเสม็ด เป็นป่าแคระร่มรื่นอยู่ไม่น้อย พวกเราจึงสบายอารมณ์เมื่อได้หยุดพักคลายเหนื่อยคลายร้อน ถัดต่อมาถึงได้เดินทางกันต่อ ผ่านสวนหินธรรมชาติทางด้านชายทุ่ง ซึ่งมีรูปร่างแปลก ๆ บ้าง เป็นรูปทรงสะพานหินโค้ง
จนกระทั่งมาถึงคลองช้างคลาน อันเป็นต้นน้ำของน้ำตกเหวอีอ่ำ เราก็ได้พบกับ น้ำตกลอดหิน ที่ชาวบ้านเขาเรียกตามลักษณะของน้ำตกที่ได้ไหลผ่านซอกหินมาอีกด้านหนึ่ง หรือมีอีกชื่อหนึ่งที่กลุ่มนักท่องเที่ยวได้พบ และตั้งชื่อว่า น้ำตกบังเอิญ
การเดินทาง
เราต้องเดินทางไปจังหวัดปราจีนบุรี จะเดินทางด้วยรถทัวร์ประจำทางก็ได้ แต่ค่อนข้างใช้เวลาหลายชั่วโมง แต่ถ้าจัดหารถส่วนตัวไปเองก็ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 2 ชั่วโมง สะดวกทั้งไปและกลับ
การติดต่อ
เขียนจดหมายไปที่ หน่วยพิทักษ์ป่าเขาใหญ่ ขญ.12 (เนินหอม) ปท.บ้านพระ อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องแจ้งเป็นเวลาล่วงหน้า 10 วัน เพื่อทางเจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมกำลังไว้ให้ หรือจะเอาลูกหาบก็ต้องระบุให้ชัดเจน
หรือโทร. ไปยังหน่วยเนินหอม เบอร์ 01/ 218-0521 เป็นตู้สาธารณะบริเวณด่านเนินหอม
ช่วงเวลาที่เหมาะสม
ประมาณช่วงเดือนกรกฎาคม-ต้นเดือนพฤศจิกายน เป็นช่วงที่น่าเที่ยว ราวช่วงเดือนตุลาคม จะมีดอกไม้ผลิบานมากที่สุด เราจะพบความหลากหลายของทุ่งดอกไม้ มีกล้วยไม้ ที่เกิดขึ้นตามลานหินทราย หลายชนิด จึงถือว่าช่วงเดือนนี้เป็นช่วงที่เหมาะที่สุด
ขอบคุณภาพจาก www.chomthai.com

















