แจ้ซ้อน อาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อน อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน

0

ทริปนี้ดูเอเซีย.คอมพาเพื่อน ๆ กลับมาเยี่ยมเยือนสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางต้นไม้และสายน้ำ เป็นทั้งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจในวันว่าง เป็นทั้งแหล่งทดลองทางวิทยาศาสตร์ และเป็นสถานเสริมความงามแบบพึ่งพิงธรรมชาติอีกด้วย สงสัยว่าเพื่อน ๆ จะเริ่มงงกันแล้วว่ามีสถานที่ทั้งหมดนี้ในเมืองไทยด้วยเหรอ ?

และสถานที่แห่งนี้ก็คือ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จังหวัดลำปางนั่นเองครับ ก่อนที่จะไปตะลุยเที่ยว ขออธิบายเพื่อคลายความสงสัยกันก่อน ที่บอกว่าเป็นแหล่งทดลองทางวิทยาศาสตร์ (ทางธรรมชาติ ) ก็ที่ลานต้มไข่ไงครับ ลองคิดสิว่าน้ำร้อนได้ยังไง แล้วเกิดกำมะถันได้ยังไง ( คิดเป็นวิทยาศาสตร์ ) ส่วนสถานเสริมความงามแบบพึ่งพิงธรรมชาติก็ที่ห้องแช่น้ำแร่ไงครับ เป็นน้ำแร่ธรรมชาติด้วย แช่แล้วจะรู้สึกผ่อนคลาย ผิวพรรณจะผุดผ่อง โดยเฉพาะถ้าใครปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ถ้ามาแช่น้ำแร่ที่นี่แล้วจะหายเป็นปลิดทิ้งเลย (ไม่ได้โม้ )

อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนแบ่งออกเป็น 4 โซนใหญ่ ๆ ด้วยกัน  ไปตะลุยโซนแรกกันเลยครับ โซนนี้เหมาะมากสำหรับเที่ยวหน้าร้อน เพระเป็นโซนน้ำตก มีทั้งหมด 6 ชั้น แต่ละชั้นจะอยู่ห่างกันประมาณ 50  – 100 เมตร และมีการตั้งชื่อให้คล้องจองกับสภาพของน้ำตกแต่ละชั้น เช่น ตาดหมอก ตาดรุ้ง ตาดเหมย  ตาดทราย ตาดหลวง ตาดครก ก่อนที่จะตะลุยในแต่ละชั้น เรามาแวะให้อาหารปลากันก่อนดีกว่า

บริเวณให้อาหารปลาจะอยู่ชั้นแรก ค่าอาหารปลาถุงละ 10 บาทครับ ส่วนใหญ่จะเป็นปลาปุงแห่งลำห้วยแม่มอญ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าปลาพลวงหิน ปลาชนิดนี้ถือเป็นปลาเกล็ดขนากกลางถึงขนาดใหญ่ ตัวสีน้ำตาลดำ  ชอบอาศัยอยู่เป็นกลุ่มตามลำธารที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี   สาเหตุที่เรียกว่าปลาบุงแห่งลำห้วยแม่มอญก็เพราะว่าเจ้าปลาพันธุ์นี้ไม่ได้หาดูง่าย ๆ ครับ จะมีมากเฉพาะบริเวณน้ำตกแจ้ซ้อน และน้ำตกแม่มอญ ซึ่งทั้งสองน้ำตกมีลำห้วยแม่มอญไหลผ่านตลอดทั้งปี

เดินต่อมาในชั้นถัดไปทางเริ่มชันและสูงขึ้น แต่รับรองว่าปลอดภัยครับ เพราะเมื่อหลายปีก่อนบริเวณทางเดินยังเป็นสะพานไม้ไผ่ ค่อนข้างลื่น ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก โดยเฉพาะเด็ก ๆ และผู้สูงอายุ แต่ตอนนี้บอกได้เลยว่าปลอดภัยไร้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะทางอุทยานได้จัดทำทางเดินโดยทำเป็นสะพานคอนกรีตหนาแน่น มีระเบียงราวให้จับเพื่อกันลื่น ถือว่าบริเวณโซนน้ำตกมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างมากครับ ประทับใจมาก ๆ

เพื่อน ๆ ทราบกันหรือเปล่าว่าอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนมีโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าใช้เองด้วย ทั้งนี้ก็เพราะในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมและใช้บริการอย่างมาก รวมถึงการให้บริการในจุดต่าง ๆ ของอุทยาน เช่น ห้องพัก ลานกางเต้นท์เอนกประสงค์ ห้องอาบน้ำแร่ ร้านอาหาร และทางเดิน ต้องสว่าง เพื่อความปลอดภัยในช่วงเวลากลางคืน ดังนั้นทางอุทยานจึงได้จัดทำโครงการโรงไฟฟ้าขนาดจิ๋วขึ้นในปี พ.ศ. 2533   โดยกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงานเป็นผู้ดำเนินการในการติดตั้งบริเวณลำห้วยแม่มอญ ซึ่งตั้งอยู่เหนือน้ำตกแจ้ซ้อน ชั้นที่ 6 ซึ่งน้ำที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าแล้วไหลลงสู่น้ำตก ยังทำให้น้ำตกแจ้ซ้อนยังคงอยู่ในสภาพเดิม  และที่สำคัญข้อดีของโรงไฟฟ้าขนาดจิ๋วยังช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังช่วยลดมลภาวะด้านเสียงและก๊าซอันเกิดจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเป็นตัวขับกำลัง ( อันนี้เจ้าหน้าที่เค้าบอกมาครับ แบบว่าสมเหตุ สมผล )

โซนต่อไปเป็นโซนยอดฮิตของบรรดาผู้รักสุขภาพและความสวยความงาม นั่นก็คือ ลานแช่น้ำแร่ และห้องอาบน้ำแร่ มีอยู่ 2 แบบ หากใครมาแบบหมู่คณะและไม่ต้องการพัดพรากจากกันไปไหน ก็ต้องนี่เลย ห้องอาบน้ำแร่แบบรวม ค่าบริการสำหรับผู้ใหญ่ ท่านละ 20 บาท เด็ก 10 บาท ส่วนใครที่มาแบบเดี่ยว หรือแบบคู่ ก็ต้องห้องอาบน้ำแร่แบบส่วนตัว ค่าบริการก็ไม่แพงอย่างที่คิด ผู้ใหญ่ท่านละ 50 บาท เด็ก 20 บาท หรือหากใครที่ต้องการแบบโอเพ่นแอร์ก็ต้องที่ลานแช่น้ำแร่   ทั้งแบบแช่รวม หรือ แบบห้องส่วนตัว เปิดให้บริการตั้งแต่ 6: 00 – 19:00 นาฬิกา ไม่มีการจำกัดเวลาแช่ ประมาณว่าเบื่อเมื่อไหร่ก็หยุด แต่ก็ไม่ต้องตกใจนะครับว่าจะต้องรอคิวนาน เพราะทางอุทยานได้จัดเตรียมห้องอาบน้ำแร่ไว้มากกว่า 50 ห้อง

และโซนสุดท้ายที่มีบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกในตอนเช้า ๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นลานต้มไข่ เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ไม่มีใครที่มาเที่ยวอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนแล้วไม่มาต้มไข่ และถ่ายรูปที่นี่ในตอนเช้า ความโรแมนติกเกิดขึ้นจากโขดหินน้อยใหญ่ ไอน้ำที่ลอยตัวขึ้นจากความร้อนของน้ำ (กรดกำมะถัน ) และกลิ่นคาวของไข่ (ประการสุดท้ายไม่แน่ใจครับว่าโรแมนติกหรือเปล่า ) แต่พอทุกอย่างมารวมกันแล้ว สุดยอด !!!

อุณหภูมิของน้ำในลานต้มไข่อยู่ที่ 82 องศาเซียลเซียส ถือว่าร้อน แต่ยังไม่ถึงจุดเดือด  กิจกรรมยอดฮิตที่ต้องทำระหว่างมาเที่ยวชมลานต้มไข่ก็คือ การต้มไข่นั่นเอง มีทั้งไข่ไก่ และไข่นกกระทา แล้วแต่ว่าใครชอบทานไข่อะไร หากเป็นไข่ไก่ใช้เวลาต้มค่อนข้างนาน ประมาณ 17 นาที ส่วนไข่นกกระทาใช้เวลาต้มประมาณ 5 นาที ดูเอเซียเลยเลือกแบบไข่นกกระทา เพราะหิวมาก ๆ หากได้ซอสนิด พริกไทยหน่อย รับรองอร่อยขั้นเทพ

สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีเวลานานหน่อยก็สามารถมาตั้งแคมป์ กางเต้นท์ที่ลานเอนกประสงค์ได้ ค่าบริการเช่าเต้นท์ละ 250 บาท หรือหากเอาเต้นท์มาเอง ก็ 30 บาท หากใครต้องการนอนสบาย ๆ ในบ้านพักทางอุทยานก็มีบริการบ้านพักแบบเดี่ยว และแบบหมู่คณะให้ แถมมีบริการจัดแคมป์ไฟให้ด้วย น่าสนุกดีนะครับ  โอ้เมื่อมีไฟ ไฟ ไฟ ลุกขึ้นแจ่มจ้า สุขอุรา เมื่อเรามาพร้อมหน้ากัน  ลองย้อนอดีตไปตอนเข้าค่ายลูกเสือ เนตรนารี ดูสิ อารมณ์คงจะประมาณนั้น

สรุปแล้วทริปนี้ดูเอเซียประทับใจมาก โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอย่างมากเลย อย่างนี้สิ จะได้ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ให้เข้ามาเที่ยวเยอะ ๆ เงินจะได้หมุนเวียนอยู่ที่บ้านของเรา ไม่ไหลออกนอกประเทศ  แต่สำหรับใครที่กำลังจะวางแผนท่องเที่ยวต่างประเทศ ก็ลองหันมาท่องเที่ยวในเมืองไทยดูนะครับ รับรองว่าขวานไทยจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง ดูเอเซีย.คอมขอเป็นสื่อกลางในการส่งเสริมให้พี่น้องไทยเที่ยวไทยบ้านเรา

การเดินทางโดยรถยนต์

น้ำตกแจ้ซ้อน อยู่ห่างจากตัวเมืองลำปางประมาณ 75 กิโลเมตร การเดินทางเริ่มต้นจากตัวเมืองลำปาง ไปตามทางหลวงหมายเลข 1035 ( สายลำปาง – แจ้ห่ม ) ซึ่งเป็นเส้นทางลาดยางระยะทางประมาณ 58 กิโลเมตร จะถึงทางแยกเข้าไปยังอำเภอเมืองปาน ไปตามเส้นทางอีกประมาณ 17 กิโลเมตร ก็จะถึงบริเวณน้ำตกแจ้ซ้อน ปัจจุบันนี้สามารถเดินทางโดยรถยนต์ได้ทุกฤดูกาล

อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนได้รับรางวัล “อุทยานแห่งชาติดีเด่นประจำปี 2543 ” ตามที่กรมป่าไม้ได้จัดงานวันสถาปนากรมป่าไม้ครบรอบ 104 ปี เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2543 โดยได้จัดประกวดอุทยานแห่งชาติดีเด่นด้านการท่องเที่ยวประจำปี 2543

ลักษณะภูมิประเทศ

สภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน เป็นส่วนหนึ่ง ของสันเขาผีปันน้ำตะวันตก ทอดตัวตามแนวทิศเหนือ สู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ เรื่อยไปทางทิศใต้จนถึงอำเภอแม่พริก ซึ่งเป็นเขตแบ่งระหว่างจังหวัดลำปางกับจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดลำพูน มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางตั้งแต่ 300-2,031 เมตร มียอดเขาสูงที่สุดคือ ดอยลังกา

นอกจากนี้ยังประกอบด้วย ดอยสันผักกิ้ง ดอยชายแดน ดอยแม่กา ดอยตะไคร้ ดอยต๋ง ดอยวังหลวง ดอยห้วยหลอด ผาหลักไก่ ม่อนทางเก้า ดอยแม่บึก ม่อนจวง ดอยแม่มอน และดอยแปเมือง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าต้นน้ำลำธารชั้น 1-A ของลุ่มน้ำวัง ประกอบด้วยลำน้ำขนาดต่างๆ จำนวนมากที่สำคัญได้แก่ น้ำแม่หมี น้ำแม่ต๋อม น้ำแม่สอย น้ำแม่มอน น้ำแม่ปาน น้ำแม่ฮะ น้ำแม่ปอม น้ำแม่บึง น้ำแม่สุ่ย และน้ำแม่ค่อม เป็นต้น และเป็นแหล่งต้นกำเนิดของลำห้วยใหญ่ๆ ที่สำคัญเป็นสาขาของแม่น้ำวัง เช่น แม่น้ำสอย ห้วยแม่กา ห้วยแม่ปาน นอกจากนี้ยังมีแหล่งน้ำที่ผุดขึ้นมาจากใต้ดินเป็นแหล่งน้ำพุร้อน บริเวณกว้างถึง 2,400 ตารางเมตร มีน้ำพุร้อนผุดจากบ่อเล็กถึง 9 บ่อ เต็มไปด้วยโขดหินน้อยใหญ่ มีอัตราการไหลอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ซึ่งมีอัตราการไหลประมาณ 15 ลิตร/วินาที อุณหภูมิระหว่าง 39-47 องศาเซลเซียส

มาเพิ่มความรู้เกี่ยวกับระบบการทำงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำกันเถอะโรงไฟฟ้าพลังน้ำประกอบด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 2 เครื่อง ขนาด 60 กิโลวัตต์ และขนาด 80 กิโลวัตต์ ผ่านกลไกการทำงานโดยการกั้นฝายส่งน้ำมาตามท่อน้ำขนาด 25 นิ้ว ไปยังเครื่องกำเนิดไฟฟ้า โดยใช้แรงดันน้ำ 6.5 – 8 บาร์ เข้าสู่ระบบการปั่นโดยพัดเทอร์บายเพื่อส่งกำลังไปยังเจนเนอรัลเตอร์ ในการผลิตกระแสไฟฟ้าแรงต่ำ 220 v. 50 เฮิร์ต แล้วส่งไปยังหม้อแปลง ขึ้นเป็นไฟฟ้าแรงสูง แล้วส่งมายังหม้อแปลงแรงต่ำ สำหรับส่งกระแสไฟฟ้าไปใช้ยังอาคาร และสถานที่ต่าง ๆ ตามต้องการ

ขอบคุณภาพ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จ.ลำปาง

เชิญแสดงความคิดเห็น