อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม Siam Cultural Park

0

ครับทริปนี้ดูเอเซีย.คอมจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวชมบรรยากาศที่แสนจะเป็นธรรมชาติเหมาะแก่การมาเที่ยวแบบพักผ่อนกับครอบครัวแถมยังได้ความรู้และเพลินกับงานศิลปะต่างๆ มาที่นี่เหมือนได้เดินทางไปทั่วประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ที่อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม (SIAM CULTURAL PARK) จังหวัดราชบุรี เอาเป็นว่าเพื่อให้ไม่เป็นการเสียเวลาเรามาทำความรู้จักกับอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามกันก่อนดีกว่าครับ อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามเริ่มก่อตั้งโครงการขึ้นในปีพ.ศ.2540 ด้วยเป้าหมายในอันที่จะรังสรรค์สถานที่ “พักใจ” แก่คนทั่วไปในสังคมที่แข่งขันเร่งรัดเช่นปัจจุบัน พร้อมนำเสนอแง่มุมด้านศิลปะ วัฒนธรรม และวิถีความเป็นอยู่ที่งดงามในสังคมพุทธของไทย เพื่อสืบทอดสิ่งดีงามแบบไทยให้คงอยู่สืบต่อถึงชนรุ่นหลังบนเนื้อที่ใต้ร่มเงาไม้กว่า 42 ไร่ อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามแห่งนี้เกิดขึ้นมาจากความตั้งใจ และแนวความคิดของท่านผู้ก่อตั้ง ซึ่งมีรากฐานประสบการณ์ทำงานมาจากงานหล่อพระพุทธรูป และงานหล่อปฏิมากรรมรูปต่างๆจากประสบการณ์ดังกล่าวกว่า 40 ปี ทำให้ผู้ก่อตั้งมีความคิดที่จะสร้างสรรค์ผลงานปฏิมากรรมรูปเหมือนบุคคลสำคัญต่างๆ ที่ท่านเหล่านั้นได้สร้างคุณประโยชน์คุณค่าความดีต่อแผ่นดินต่อชาติไทยของเรา เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ หรือแนวทางการดำเนินชีวิตอันควรเป็นแบบอย่างต่อไป ในปี พ.ศ. 2540 อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม จึงได้เริ่มก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ท่ามกลางบรรยากาศภายในที่ได้บรรจงออกแบบให้กลมกลืนกับธรรมชาติ ด้วยพรรณไม้มากมาย สายธารไหลริน และสิ่งก่อสร้างที่เน้นศิลปกรรมแบบไทยย้อนยุค ณ ที่แห่งนี้จัดได้ว่าเป็นสถานที่พักผ่อนทางกาย และจิตใจได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นแหล่งการศึกษาค้นคว้าได้อย่างสอดคล้องกับการศึกษาในยุคปัจจุบัน เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบศิลปวัฒนธรรมไทย และผู้ที่สนใจพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง จวบจนถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ.2549 จึงได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าชม หากมองแบบรวมๆ แล้ว ภายในอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม นั้นแบ่งออกเป็น 6 ส่วนใหญ่ๆ ด้วยกัน มีทางเดินชมแบบเป็นวงรอบ แต่ละส่วนนั้นมีความน่าสนใจต่างกันออกไป จึงทำให้การเดินเที่ยวชมภายในไม่น่าเบื่อ ผมขอเริ่มการเดินทางเที่ยวชมภายในอุทยานฯ ตามเส้นทางไปทีละจุดโดยเริ่มจากประตูทางเข้า เมื่อเดินเรื่อยไปประมาณ 150 เมตร จะพบกับอาคารหลังใหญ่ มีชื่อว่า อาคารเชิดชูเกียรติ

อาคารหลังนี้จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่รวบรวมรูปเหมือนบุคคลสำคัญต่างๆ ที่สร้างคุณประโยชน์ต่อประเทศไทยเรา และมีบางท่านที่เป็นชาวต่างประเทศที่ได้สร้างคุณประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติเช่นกัน

ถัดไปจากอาคารเชิดชูเกียรติ เป็นส่วนแสดงที่เรียกว่า ลานพระพุทธรูปสามสมัย เป็นลานร่มรื่นจัดแสดงผลงานปฏิมากรรมที่งดงาม ฐานพระพุทธรูปเป็นการจำลองโบราณสถานจากสถานที่ต่างๆ ได้อย่างเหมือนสถานที่จริง บริเวณนี้ทางอุทยานฯ ได้แบ่งพื้นที่การจัดแสดงพระพุทธรูปสมัยต่างๆ ออกเป็นสามส่วนสามสมัย อันได้แก่

  1. พระพุทธรูปสมัยอู่ทอง ปางมารวิชัย แบบขัดสมาธิราบ ขนาดหน้าตัก 6 ศอก 9 นิ้ว หล่อด้วยทองเหลือง ฐานพระจำลองมาจากอุทยานประวัติศาสตร์ จ.พระนครศรีอยุธยา
  2. พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ปางมารวิชัยแบบขัดสมาธิราบ ฐานพระจำลองมาจากอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย
  3. พระพุทธรูปสมัยเชียงแสน ปางมารวิชัย แบบขัดสมาธิเพชร ฐานพระจำลองมาจากวัดป่าสัก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย
    จากประสบการณ์ความชำนาญของช่างผู้สร้างผู้ออกแบบ ผนวกกับความศรัทธาที่มีต่อพุทธศาสนา ลานพระสามสมัยแห่งนี้ จึงสมบูรณ์ไปด้วยความงดงามในชั้นเชิงพุทธศิลป์ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาบางท่านถึงกับสอบถามเจ้าหน้าที่ว่า ณ ที่แห่งนี้เดิมทีเป็นวัดร้างอยู่หรือเปล่า… ซึ่งคำถามนี้คือ คำตอบที่สามารถบ่งชี้ได้ว่า ศาสตร์แห่งศิลป์ในชั้นเชิงช่าง ได้ก่อผสานผลงานออกมาได้เสมือนจริงอย่างน่าอัศจรรรย์

หากจะศึกษาพุทธศาสนาให้ถึงแก่นแล้ว คงต้องเดินต่อไปอีกหน่อยก็จะพบกับ “ถ้ำชาดก” เป็นการจำลองถ้ำขึ้นมาได้เหมือนถ้ำจริงมากๆ เช่นเดียวกับการจำลองสถานที่อื่นๆ ในอุทยานฯ ในถ้ำติดเครื่องปรับอากาศ จัดแสดงหุ่นจำลองเกี่ยวกับทศชาติชาดก พระชาติสุดท้ายของเจ้าชายสิทธัตถะ คือ พระเวชสันดรชาดก ตอน ชูชกขอสองกุมาร ซึ่งเป็นเรื่องราวที่แสดงถึงคติธรรม คำสั่งสอน เพื่อให้คนเรารู้จักความพอดี ไม่โลภ หากคนเราไม่รู้จักความพอดีนั้นแล้ว ก็อาจจะทำให้ชีวิตพบกับความหายนะได้

บรรยากาศภายในดูตื่นตาน่าสนใจด้วยคำบรรยายประกอบแสงเสียง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ชมแล้วไม่รู้สึกน่าเบื่อ การจำลองบุคคล สิ่งของเครื่องใช้ อาหารล้วนทำได้เหมือนจริงๆ โดยเฉพาะบริเวณมุมที่ชูชกกำลังเพลิดเพลินอยู่กับการกินๆ ๆ อาหารคาวหวานที่วางเรียงรายอยู่เบื้อหน้า บริเวณนี้ผมชอบมาก เพราะช่างได้จำลองอาหารได้เหมือนของจริงมาก ยิ่งดูก็ยิ่งหิวเลยครับ แต่ผมไม่ชอบมุมถัดไปที่ชูชกท้องแตกตายมีไส้ทะลักออกมากองอยู่เต็มหน้าตัก ดูแล้วจะพาลอาเจียน ผมว่ามุมนี้เหมาะที่จะพาผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราที่ไม่รู้จักพอ ชอบตักตวงผลประโยชน์แก่ตนเองและพวกพ้องมาดูบ้างก็คงดี ออกจากถ้ำก่อนเดินไปชมส่วนแสดงอื่นๆ ต่อ แวะพักกันสักนิดครับ ที่นี่เขามี บ้านน้ำสมุนไพร ไว้คอยบริการ ราคาไม่แพงอยู่ที่แก้วละ 10 กว่าบาทเอง สถานที่ก็ตกแต่งได้อย่างคลาสสิคมาก เหมือนนั่งอยู่ที่ร้านขายของตามต่างจังหวัดเมื่อสัก 20-30 ปีก่อน นั่งดื่มน้ำไปชื่นชมบรรยากาศไป รู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปในสมัยที่ผมยังเป็นเด็กๆ อีกครั้ง โดยส่วนตัวแล้วผมชอบบริเวณนี้กว่าบริเวณอื่น เพราะเงียบสงบน่านั่งอ่านหรือเขียนหนังสือมากทีเดียวสิ่งของหลายอย่างภายในร้าน เช่นของเล่นเก่าๆ โหลลูกไข่หยอดเหรียญที่เด็กๆ ชอบลุ้นกันว่าจะหยอดได้อะไร ซึ่งปัจจุบันแทบไม่มีให้เห็นแล้ว พักผ่อนสดชื่นด้วยน้ำสมุนไพรแล้วออกเดินต่อที่ กฏิพระสงฆ์ 4 ภาค

กฏิพระสงฆ์ 4 ภาค ประกอบไปด้วยการจำลองขนาดเท่าจริงของกุฏิพระสงฆ์จำนวน 5 หลัง ภายในกุฏิเป็นที่ประดิษฐานหุ่นพระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย มีการบรรยายพุทธประวัติของพระสงฆ์แต่ละรูปไว้ให้เพิ่มพูนความรู้ อาทิ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) , พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต , ครูบาศรีวิชัย , หลวงปู่แหวนสุจิณโณ , หลวงปู่ทวด , หลวงปู่ทิม , หลวงพ่อสด และอีกหลายๆ รูป หากใครพาคุณพ่อคุณแม่ หรือคุณตาคุณยาย มานมัสการ คงต้องชอบบริเวณนี้แน่ เพราะเหมือนกับได้มานมัสการองค์จริงของท่านถึงกุฏิเลยทีเดียว

ถัดไปเป็นกลุ่มบ้านไทยสี่ภาคได้แก่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสานและภาคใต้ บ้านไทยหลังใหญ่สี่หลังปลูกสร้างตามเอกลักษณ์ศิลปะของท้องถิ่น สอดคล้องกับบรรยากาศและวิถีชีวิต การปลูกสร้างได้ผ่านกระบวนความคิด ซึ่งเน้นถึงความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของภูมิภาคนั้นๆ ถือเป็นศูนย์รวมศิลปวัฒนธรรม เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการศึกษาค้นคว้า หรือช่างภาพที่ต้องการภาพแนววิถีชีวิตได้เป็นอย่างดียังไม่หมดครับเรียกได้ว่ามาที่นี่มีอะไรมากมายกว่าที่คิดจริงๆต่อไปจะเป็นกุฎิพระสงฆ์ เป็นหมู่เรือนไทยที่ประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งพระสุปัฏิปัณโณ พระสงฆ์ผู้เป็นกองทัพธรรมในพระพุทธศาสนาและบ้านกาแฟสด บรรยากาศร่มรื่นในร้านไม้ ลมเย็น กับกาแฟซักแก้ว เหมาะกับการนั่งคลายเหนื่อยจริงๆเมื่อได้นั่งพักจนหายเหนื่อย ขากลับระหว่างทางเดินจะเจอลานพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรซึ่งจำลองจากงานประติมากรรมของ ราชวงค์ซ้องประเทศจีนขนาดความสูง3.5 เมตรสามารถแวะสักการบูชากันได้ เสร็จแล้วก็ไปแวะซื้อของฝากกันที่ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก

หุ่นที่ทางอุทยานฯ ได้จัดนำมาแสดงไว้นี้สามารถทนสภาพภูมิอากาศได้สบาย เนื่องจากทำมาจากวัสดุไฟเบอร์กลาส ความเสียหายจึงมีไม่มากนัก ถึงแม้จะเป็นอุทยานฯ ที่สามารถจับต้องได้ก็ตาม แต่เราก็ไม่ควรไปแตะต้องให้เกิดความเสียหายนะครับเพราะกว่าชิ้นงานแต่ละชิ้นจะถูกสรรค์สร้างขึ้นมาได้นั้น ต้องใช้ระยะเวลาการศึกษาค้นคว้า และความปราณีตบรรจงเป็นระยะเวลาแรมปี เราจึงควรช่วยกันส่งเสริมและอนุรักษ์ผลงานไว้ให้อยู่นานๆต่อไปหุ่นแล้วหุ่นเล่ามากหน้าหลายตาเผินผ่านสายตาไปในวันนี้ ราวกับว่า วันนี้เราได้เดินทางมาพบกับบุคคลหลายท่าน ซึ่งหลายท่านผมไม่โอกาสได้เคยพบตัวตนจริงของท่านเลยสักครั้งในชีวิต หลายท่านจากไปโดยทิ้งคุณความดีไว้ให้คนรุ่นหลังได้หวนคิดถึง นั่นคงเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดที่เราควรไขว่คว้าสะสมไว้ให้มากกว่าทรัพย์สินเงินทอง ความพอเพียง ความซื่อสัตย์ ความมีน้ำใจ ความเสียสละ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เรามีคุณค่าน่าจดจำ

หุ่นที่ทางอุทยานฯ ได้จัดนำมาแสดงไว้นี้สามารถทนสภาพภูมิอากาศได้สบาย เนื่องจากทำมาจากวัสดุไฟเบอร์กลาส ความเสียหายจึงมีไม่มากนัก ถึงแม้จะเป็นอุทยานฯ ที่สามารถจับต้องได้ก็ตาม แต่เราก็ไม่ควรไปแตะต้องให้เกิดความเสียหายนะครับเพราะกว่าชิ้นงานแต่ละชิ้นจะถูกสรรค์สร้างขึ้นมาได้นั้น ต้องใช้ระยะเวลาการศึกษาค้นคว้า และความปราณีตบรรจงเป็นระยะเวลาแรมปี เราจึงควรช่วยกันส่งเสริมและอนุรักษ์ผลงานไว้ให้อยู่นานๆต่อไปหุ่นแล้วหุ่นเล่ามากหน้าหลายตาเผินผ่านสายตาไปในวันนี้ ราวกับว่า วันนี้เราได้เดินทางมาพบกับบุคคลหลายท่าน ซึ่งหลายท่านผมไม่โอกาสได้เคยพบตัวตนจริงของท่านเลยสักครั้งในชีวิต หลายท่านจากไปโดยทิ้งคุณความดีไว้ให้คนรุ่นหลังได้หวนคิดถึง นั่นคงเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดที่เราควรไขว่คว้าสะสมไว้ให้มากกว่าทรัพย์สินเงินทอง ความพอเพียง ความซื่อสัตย์ ความมีน้ำใจ ความเสียสละ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เรามีคุณค่าน่าจดจำ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม

ที่ตั้ง 41/1 ม. 3 ถ.เพชรเกษมดำเนินสะดวก ต.วังเย็น อ.บางแพ จ.ราชบุรี 70160

วัน – เวลาทำการ
จันทร์ – ศุกร์ 09.00 – 16.30 น.
เสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 08.30 – 17.00 น.

ค่าเข้าชม
ผู้ใหญ่ท่านละ 50 บาท  นักศึกษาพระสงฆ์และ เด็ก 20 บาท

ใช้ถนนเพชรเกษมขับมุ่งหน้าไป จ. ราชบุรี เมื่อถึงสี่แยกบางแพให้เลี้ยวซ้าย ประมาณ 1 กิโลเมตรจากแยกบางแพจะเห็นอุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยามอยู่ทางขวามือให้กลับรถข้างหน้า ภายในมีที่จอดรถกว้างขวาง มีที่จอดรถบัส ถ้าหากต้องการวิทยากรนำชมเพื่อให้การเยี่ยมชมสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ติดต่อล่วงหน้า 3 วัน โทร.032-381401 และ 032-381404

ขอบคุณภาพ galakung.com

เชิญแสดงความคิดเห็น