วัดบุปผาราม (วัดปลายคลอง)

0

สถาปัตยกรรมเก่าแก่ ณ วัดบุปผาราม

ดูเอเซียพาเที่ยว “สุดเขตแดนตะวันออก”  สุดเขตแดนสยาม คงต้องนึกถึงจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย แต่หากเป็นจังหวัดทางภาคตะวันออกที่มีทะเลสวยงามไม่แพ้อันดามัน ก็ต้องนึกถึง จังหวัด “ตราด” แต่ทริปนี้ดูเอเซียไม่ได้พาไปเที่ยวทะเลแต่ ราจะพาไปดูสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ความงดงามทางวัฒนธรรมที่ซุกซ่อนไว้ในเมืองทะเลสวย ของจังหวัดตราดกันค่ะ

วัดบุปผาราม หรือเรียกอีกชื่อว่า วัดปลายคลอง ตั้งอยู่หมู่ 3 บ้านปลายคลอง ถนนพัฒนาการปลายคลอง ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมือง จังหวัดตราด เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดในจังหวัด สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยาฯ รวมรัชสมัยพระเจ้าปราสาททอง (พ.ศ. 2198) ท่านพระครูคุณสารพิสุทธิ์ (หลวงพ่อโห) อดีตเจ้าอาวาสในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้บูรณปฏิสังขรณ์เสนาสนะถาวรวัตถุในวัดจวบจนปัจจุบัน เพียงแค่เดินเข้าไปภายในวัดก็จะพบกับความร่มรื่นของต้นไม้ บวกกับความงดงามของอุโบสถ วิหารเจดีย์ที่มีสถาปัตยกรรมงดงามชวนให้น่าสัมผัสแล้วล่ะค่ะ ตามประวัติเล่าว่า ท่านพระครูสุวรรณสารวิบูล พร้อมทั้งชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจกันจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ และดูแลภูมิทัศน์โดยรอบวัดให้สะอาดเรียบร้อย วัดนี้จึงเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติศาสนกิจ สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่  พิพิธภัณฑ์  เป็นแหล่งรวบรวมโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าไว้มากมายโดยเฉพาะพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็นมงคลสูงสุดคู่บ้านเมือง และพระพุทธรูปต่างๆ รวมทั้งเครื่องถ้วยจีน เครื่องถ้วยยุโรป  กลองมโหรทึก แสดงให้เห็นถึงการเดินทางแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างเมืองท่าชายฝั่งทะเล ตะวันออกกับเมืองท่าโพ้นทะเลในแถบเอเชียอาคเนย์ข้ามไปไกลถึงซึกโลกตะวันตก  รวมถึงภาพจิตรกรรม  ฝาผนังโบสถ์ และวิหารพระพุทธไสยาสน์เขียนขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นฝีมือช่างท้องถิ่นแต่ล้วนแล้วผสมกลมกลืนด้วยศิลปจีน และวรรณคดีจีน แสดงให้เห็นว่าวัดแห่งนี้อาจได้รับการอุปถัมภ์จากชาวจีนที่มาค้าขายแถบชายฝั่งทะเลตะวันออก

โดยหลักๆ แล้ว วัดบุปผารามแบ่งออกเป็น 3 ส่วนได้ดังนี้

*ส่วนที่หนึ่ง ศาสนสถานในเขตพุทธาวาส ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงหินศิลาแลง ประกอบด้วย

  • พระอุโบสถ ก่ออิฐถือปูน ผนังด้านนอกสีขาว บานประตูหน้าต่างเป็นไม้ ด้านในมีจิตรกรรมฝาผนังศิลปะสมัย รัตนโกสินทร์ตอนต้น ลายพระพุทธเจ้าปางแสดงธรรม ลายดอกพุดตาน เพดานเป็ฯรูปดาว มีลายกลีบบัวซ้อยอยู่ภายใน
  • วิหารพระพุทธไสยาสน์ เป็นอาคารชั้นเดียว ภายในประดิษฐานพระปางไสยาสน์ ผนังมีจิตรกรรมฝาผนังเน้นลาย ดอกไม้ และสัตว์ต่าง ๆ ปัจจุบันหลุดลอกไปมากแล้ว
  • วิหารฝากระดาน เดิมเคยเป็นพระอุโบสถมาก่อน เป็นอาคารครึ่งปูนครึ่งไม้ที่มีอายุเก่าแก่ ฐานก่ออิฐถือปูนลักษณะโค้งเป็นรูปเรือสำเภา ฝาผนังเป็นไม้กระดานทั้งหมด
  • มณฑปสามหลัง ด้านในมีจิตรกรรมฝาผนังที่ได้รับอิทธิพลมาจากจีน

*ส่วนที่สอง ศาสนสถานในเขตสังฆาวาส อยู่ส่วนกลางของวัด ประกอบด้วย

  • หอสวดมนต์ เป็นศาลาไม้ยกพื้น หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ หน้าบันสองด้านเป็นไม้จำหลักปิดทองลายเทพพนมตรงกลาง ปัจจุบันใช้เป็นที่ทำวัตรสวดมนต์ของพระภิกษุ และเป็นที่ทำบุญในวันพระ
  • หอระฆัง สร้างขึ้นใหม่ด้วยคอนกรีต ตัวหอระฆังเป็นทรงจตุรมุข
  • โรงธรรม อยู่หน้าหอสวดมนต์ เป็นศาลาเปิดโล่งไม่มีฝาผนัง ใช้เป็นที่บำเพ็ญกุศลและฟังธรรม
  • หมู่กุฏิทรงไทย เป็นเครื่องไม้ทั้งหลัง ตั้งเรียงรายภายใต้เงาไม้สำหรับพระภิกษุใช้บำเพ็ญธรรมและนั่งกรรมฐาน

*ส่วนที่สาม  พิพิธภัณฑ์วัดบุปผาราม

พิพิธภัณฑ์วัดบุปผาราม เปิด 8.00-17.00 น. ทุกวัน แต่ช่วงที่ไม่มีนักท่องเที่ยวจะปิดถ้าต้องการเข้าชมต้องติดต่อเจ้าอาวาส หรือผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์จะอยู่ภายในวัด ภายในพิพิธภัณฑ์วัดบุปผาราม เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยอยุธยาต้อนปลาย ถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้นหลายองค์ และเครื่องถ้วยลายครามสมัยราชวงศ์ชิง ราชวงศ์หมิง รวมถึงเครื่องลายครามโบราณของทางฝั่งยุโรปด้วย

นอกจากนี้ภายในวัดยังมี หมู่กุฎิเล็กทรงไทย  ที่สร้างได้ถูกต้องตามพระวินัยบัญญัติมีขนาดพอแค่ภิกษุอยู่ได้รูปเดียวเท่านั้น หอสวดมนต์ เจดีย์ ที่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าชม และสัมผัสกลิ่นอารายธรรมสมัยอดีตโปรดแต่งกายด้วยความสุภาพเรียบร้อย เนื่องจากเป็นเขตวัด และไม่ควรส่งเสียงรบกวนการปฏิบัติกิจวัตรของพระภิษุสงฆ์ 

หากเพื่อนได้แวะเวียนมาเที่ยวทะเลตราด ก็อย่าลืมแวะมาชมความสวยงามของสถาปัตยกรรม ของวัดบุปผาราม หรือวัดปลายคลองแห่งนี้ด้วยนะคะ  การเดินทาง  จากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 3 (ถนนสุขุมวิท) ตรงข้ามโรงพยาบาลตราด เลี้ยวแยกซ้ายเข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร

เชิญแสดงความคิดเห็น