ท่องเที่ยว || เพิ่มข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว|| ดูดวงตำราไทย|| อ่านบทละคร|| เกมส์คลายเครียด|| วิทยุออนไลน์ || ดูทีวี|| ท็อปเชียงใหม่ || รถตู้เชียงใหม่
  dooasia : ดูเอเซีย   รวมเว็บ   บอร์ด     เรื่องน่ารู้ของสยาม   สิ่งน่าสนใจ  
 
สำหรับนักท่องเที่ยว
ตรวจสอบระยะทาง
แผนที่ 77 จังหวัด
คู่มือ 77 จังหวัด(PDF)
จองโรงแรม
ข้อมูลโรงแรม
เส้นทางท่องเที่ยว(PDF)
ข้อมูลวีซ่า
จองตั๋วเครื่องบิน
จองตั๋วรถทัวร์
ทัวร์ต่างประเทศ
รถเช่า
197 ประเทศทั่วโลก
แลกเปลี่ยนเงินสากล
ซื้อหนังสือท่องเทียว
dooasia.com แนะนำ
  เที่ยวหลากสไตล์
  มหัศจรรย์ไทยเแลนด์
  เส้นทางความสุข
  ขับรถเที่ยวตลอน
  เที่ยวทั่วไทย 77 จังหวัด
  อุทยานแห่งชาติในไทย
  วันหยุดวันสำคัญไทย-เทศ
  ศิลปะแม่ไม้มวยไทย
  ไก่ชนไทย
  พระเครื่องเมืองไทย
 
 
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเกาหลี
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศลาว
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศกัมพูชา
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเวียดนาม
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศพม่า
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศจีน
 
เที่ยวภาคเหนือ กำแพงเพชร : เชียงราย : เชียงใหม่ : ตาก : นครสวรรค์ : น่าน : พะเยา : พิจิตร : พิษณุโลก : เพชรบูรณ์ : แพร่ : แม่ฮ่องสอน : ลำปาง : ลำพูน : สุโขทัย : อุตรดิตถ์ : อุทัยธานี
  เที่ยวภาคอีสาน กาฬสินธุ์ : ขอนแก่น : ชัยภูมิ : นครพนม : นครราชสีมา(โคราช): บุรีรัมย์ : มหาสารคาม : มุกดาหาร : ยโสธร : ร้อยเอ็ด : เลย : ศรีสะเกษ : สกลนคร : สุรินทร์ : หนองคาย : หนองบัวลำภู : อำนาจเจริญ : อุดรธานี : อุบลราชธานี : บึงกาฬ(จังหวัดที่ 77)
  เที่ยวภาคกลาง กรุงเทพฯ : กาญจนบุรี : ฉะเชิงเทรา : ชัยนาท : นครนายก : นครปฐม : นนทบุรี : ปทุมธานี : ประจวบคีรีขันธ์ : ปราจีนบุรี : พระนครศรีอยุธยา : เพชรบุรี : ราชบุรี : ลพบุรี : สมุทรปราการ : สมุทรสาคร : สมุทรสงคราม : สระแก้ว : สระบุรี : สิงห์บุรี : สุพรรณบุรี : อ่างทอง
  เที่ยวภาคตะวันออก จันทบุรี : ชลบุรี : ตราด : ระยอง

  เที่ยวภาคใต้ กระบี่ : ชุมพร : ตรัง : นครศรีธรรมราช : นราธิวาส : ปัตตานี : พัทลุง : พังงา : ภูเก็ต : ยะลา : ระนอง : สงขลา : สตูล : สุราษฎร์ธานี

www.dooasia.com > มรดกไทย > มรดกท่องเที่ยว > สยามนิรมิต
 
SIAM NIRAMIT
SIAM NIRAMIT

            ผมเคยพาท่านผู้อ่านไปชมระบำที่ปารีส  ที่เขาเรียกว่า ระบำ โฟลี่แบร์แย  ต่อมาพาไปอีกคราวนี้ไปชมระบำที่ปารีสเหมือนกัน แต่ที่ลิโด้ พอเขามีใหม่ที่มูแลงรูจผมยังไม่เคยไปดู  ขาแข้งเงินทองดีเมื่อไรจะขอไปดูให้ได้  เพราะระบำพวกนี้งดงามด้วยแสงสีตระการตา และฉากนั้นยิ่งใหญ่อย่าบอกใคร  ขนาดตำรวจขี่เฮลิคอปเตอร์ บินข้ามหัวคนดูเพื่อไปจับผู้ร้ายที่มาขโมยภาพชื่อ  ก้องโลกคือ ภาพโมนาลิซ่า ไปดูอีกคราวนี้พาไปชมระบำสเปญที่เรียกว่า เฟมิงโก  (ถ้าจำชื่อไม่ผิด)  ชนิดสวมกระโปรงยาวกรอมเท้า  มาดูระบำที่มาเก๊าบ้าง ฉากไม่มโหฬารพันลึกเหมือนปารีส  และอีกหลายระบำที่ผมไปชมแล้ว เอามาเล่าให้ฟัง  แต่ที่เต้นกันทั้งสนามก็เมื่อคราวฟิลลิปปินส์ เป็นเจ้าภาพซีเกมส์ครั้งที่ ๑๕  ไม่ใช่ครั้งที่เพิ่งผ่านไปเมื่อปี ๒๐๐๕ นี้  ตอนนั้นฟิลลิปปินส์คงจะสตางค์ดีกว่าเวลานี้  จัดพิธีเปิดอย่างมโหฬาร  มีขบวนเต้นระบำ เต้นกันทั้งขบวน เดินพาเหรดเข้ามาในสนาม  สนุกพิลึกปีนั้นฟิลลิปปินส์ ทำแปลกคือ ไม่ยอมจัดกีฬาปัญจสิลัตเข้าแข่งขัน  ซึ่งสมัยนั้นอินโดนิเซียจะเป็นเจ้าเหรียญทองปัญจิกสิลัตซึ่งมี  ๑๕ เหรียญ ชาย ๑๐ หญิง ๕  (ต่อมาเพิ่มเป็น ๒๑ เหรียญ แล้วลดเหลือ ๑๗ เหรียญ)  แต่ประธานปัญจักสิลัตโลก นายพลเอ็ดดี้ (เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอยู่)  แกมีสตางค์มากเคยเป็นผู้ว่า ฯ จาร์กาต้ามาแล้ว  เมื่อซีเกมส์ไม่จัดแกก็เอาสตางค์ของแกให้ฟิลลิปปินส์  ขอจัดแข่งขันปัญจักสิลัตเอง  โดยจัดที่สนามกีฬาที่จัดซีเกมส์ พิธีเปิดก็วันเดียวกัน  มีเหรียญทองเหมือนกัน  ที่พัก การอำนาวยความสะดวกต่าง ฟิลิปปินส์คงจะจัดให้เช่นเดียวกับกีฬาประเภทอื่น ๆ  ของซีเกมส์ ขออย่างเดียวที่ฟิลลิปปินส์ขอคือ ต้องไม่เอาเหรียญทองของปัญจสีลัตไปนับรวมกับเหรียญทอง ของซีเกมส์เพราะกลัวอินโดนิเซีย หรือไทย จะเป็นเจ้าเหรียญทอง แต่ผลออกมาไทยเป็นเจ้าเหรียญทอง  แม้ว่าเหรียญทองจากปัญจักสิลัต จะได้น้อยกว่าอินโดนิเซีย แต่ไม่ได้เอามานับรวมกับเหรียญซีเกมส์  หมดยุคของผมที่เป็นนายกสมาคมแล้ว ปัญจักสิลัตสมัยนี้  มีนักการเมืองระดับผู้นำเป็นนายกสมาคม และท่านผู้นี้ก็รู้จักผมสมัยที่ผมเป็นผู้ก่อตั้งสมาคมปัญจักสิลัตเมื่อ ๑๙ ปีที่แล้ว  และท่านเป็น สส.จังหวัดยะลา  และกีฬาที่เข้าแข่งซีเกมส์เดี๋ยวนี้ไม่ต้องวิ่งหาเงิน จนหัวซุนเหมือนสมัยผม  ที่เกือบจะไม่มีใครเหลียวแลมวยแขกเลย  ทั้ง ๆ ที่มีเหรียญทองมากถึง ๑๕ เหรียญ  ในตอนนั้น  ต้อหาเงินเองเป็นส่วนใหญ่  ภาครัฐช่วยเหลือน้อยมาก  เพราะไปมุ่งแต่ฟุตบอลกีฬายอดนิยม ที่มีเหรียญทองอยู่เหรียญเดียว  กีฬาไม่ใช่กีฬาสากลแต่เขาตั้งเหรียญทองเอาไว้มาก ต้องสนใจด้วย  แต่หากไทยจัดซีเกมส์ครั้งที่ ๒๔  เอาแต่กีฬาสากลโลกเขาเล่นกันก็ดียิ่ง  แต่อย่าไปยุบปัญจักสิลัตเสีย เพราะซีเกมส์ครั้งต่อไป ประเทศอื่นเขาจัดเขาอาจจะมีปัญจักสิลัตอีก  และควรย้ายสมาคมไปอยู่ปัตตานีอย่างเดิม  ผู้บริหารชุดเดิมที่รู้จริงและทำงานกับผมมาคือ  บรรดาอาจารย์ที่ ม.สงขลา วิทยาเขตปัตตานีเป็นส่วนใหญ่ ยังอยู่กันครบ ตั้งที่ปัตตานีจะได้เอาเด็กวัยรุ่นที่กำลังคึก ชอบจับปืนไปไล่ยิงเขานั่นแหละชวนมาเล่นปัญจักสิลัต  มีแชมป์หลาย ๆ ตำแหน่ง  แชมป์อำเภอ แชมป์จังหวัดใครเด่นจริง ก็ส่งไปแข่งระดับชาติและซีเกมส์  พวกนี้จะมาคึกในสนามไม่ไปซิ่งมอเตอร์ไซค์ไล่ยิงคน  ส่วนโค๊ชนั้นสมัยผมขอจากอินโดนิเซีย ขอฟรี ไม่ได้จ้างมาเขาจัดให้  เพราะหากเอาคนเตะเก่งระดับดาราภาพยนตร์ไปเป็นโค๊ช  จะหมายเตะก้านคอ หรือเตะคางเขาเข้าให้  คนถูกเตะสลบแต่ชนะฟาวล์ เพราะกติกาเขาวางหนีมวยไทยเอาไว้  ขออภัยที่บอกเรื่องระบำ แต่รับไม่ได้กับผลการแข่งขันกีฬาปัญจักสิลัต ในซีเกมส์ครั้งที่ ๒๓  ที่กีฬานี้ควรเป็นกีฬาทำเหรียญทอง แต่ไทยทำไม่ได้เลย
            ผมเรียกระบำแต่ความจริง เขาแสดงอย่างยิ่งใหญ่อลังการคือ เมื่อไปชมที่ภูเก็ต ภูเก็ตแฟนตาซี (มักจะเผลอไปเรียกของเขาว่า ภูเก็ตฟามาซี)  ทั้งฉากและสถานที่จะยิ่งใหญ่กว่าลิโด้ที่ปารีสด้วยซ้ำไป  (แต่ไม่มีโป๊)  ลิโด้ทำเฮลิคอปเตอร์ปลอมมาบินข้ามหัวคนดู  แต่ภูเก็ต ฯ เอาขบวนช้างกว่า ๑๐ เชือก ขึ้นไปจัดขบวนอยู่บนเวที  แต่มาซบเซาลงไปเพราะฤทธิ์สึนามิ  ก็ภาวนาให้เขาฟื้นคืนชีพเร็ว ๆ เพราะเป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่ มีหน้ามีตาของประเทศ  ที่คล้ายกันเรื่องแนวการดำเนินการเรื่องไม่เหมือนกันคือ "SIAM NIRAMIT"  ที่ผมพึ่งไปดูมาอยู่ในกรุงเทพ ฯ นี่เอง ดูแล้วต้องรีบเอามาเล่าให้ฟัง  และเชียร์ให้ไปชมกัน  และฝากไว้ด้วยว่าไปภูเก็ตก็ไปชมภูเก็ตแฟนตาซีเสียด้วย หากยังไม่เคยชม  แต่ผมหากนาน ๆ ไปภูเก็ต เช่นเว้นสัก ๒ - ๓ ปี  ก็ไปชมทุกครั้งเพราะเขาเปลี่ยนชุดการแสดงแล้ว คงไว้แต่ความยิ่งใหญ่อลังการ และเชื่อว่า สยาม นิรมิต ก็คงจัดแนวเดียวกันคือ แต่ละชุดการแสดงจะแสดงไปเป็นปี จึงจะเปลี่ยนใหม่ เพราะยิ่งใหญ่อลังการเหลือเกิน  ชมกันเพลินไปเลยทีเดียว เวลาเกือบสองชั่วโมงหมดไปไม่รู้ตัว
            สยามนิรมิต  มีสถานที่จัดการแสดงอยู่ข้างสถานทูตเกาหลี  เยื้อง ๆ กับศูนย์วัฒนธรรม ทางเข้าอยู่ตรงข้ามกับปั๊มน้ำมันเชลล์ เส้นทางไปหากไปตามถนนลาดพร้าว เลี้ยวเข้าถนนรัษฎาแล้ว ลอดอุโมงค์ ๒ แห่ง ไปเลี้ยวซ้ายเข้าถนนที่จะไปยังศูนย์วัฒนธรรม  สังเกตุจุดเลี้ยวคือ ปั๊ม ปตท. ค่าเข้าชมคนละ ๑,๕๐๐ บาท แต่ตอนที่ผมไปซื้อบัตร ๒ ใบแถมฟรี ๑ ใบ ไปได้ ๓ คน ส่วนค่าอาหารต้องจ่ายเอง มีขายในสถานที่การแสดง ก่อนเข้าโรงละคร ตอนนี้ไม่ทราบว่ายังแถมอยู่หรือเปล่า  ตราบใดที่ทัวร์ต่างประเทศยังเข้าน้อยอยู่ควรแถมเอาไว้ก่อน ซื้อบัตรเข้าชม ง่าย ๆ พอ ๆ กับซื้อตั๋วขึ้นเครื่องบิน ขอให้มีบัตรเครดิตก็แล้วกัน โทรสั่งซื้อได้  ๐ ๒๖๔๙ ๙๒๒๒  ถนนเทียมร่วมมิตร ห้วยขวาง กรุงเทพ ฯ มีรอบเดียวคือ รอบ ๒๐.๐๐ แต่เปิดให้เข้าบริเวณงานได้ตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐

            เข้าไปทำไมก่อนเวลาตั้ง ๒ ชั่วโมง เมื่อผ่านประตูเข้าไปแล้ว จะมีลานจอดรถกว้างขวางมาก  จอดรถสะดวกไม่ต้องเสียค่าจอด  จอดรถแล้วผ่านประตูเข้าไปชั้นใน จะมีลานวงกลม มีไฟทำเป็นรูปตัวช้าง และเครื่องดื่มช้างน่าจะเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ เพราะตราช้างแยะไปหมด แถมยังมีช้างอีก ๒ ตัว แต่งตัวสวยให้คนดูไปถ่ายรูปฟรี  คู่กับช้างได้  มีเวทีกลางแจ้งเป็นวงกลม ซึ่งจะมีการแสดงเริ่มเวลาประมาณ  ๑๙.๐๐ เศษ และใกล้ลานแสดงมีศาลา มีดนตรีไทยบรรเลงให้ฟัง ตั้งแต่เวลาประมาณ ๑๘.๓๐  ส่วนการแสดงบนลานวงกลม ก่อนเวลาการแสดงในโรงนี้ จะได้ชมก่อนเปิดประตูให้เข้าโรงละคร  เช่นการแสดงศิลปะของภาคต่าง ๆ ทุกภาคและจบด้วยการรำวง มีสาวนักรำแต่งตัวแบบไทยสวยมาก มารำให้ชมกับหนุ่มนักรำและสาว ๆ ก็จะลงมากระพุ่มมือไหว้ หนุ่ม (แก่) ที่ยืนชมให้ขึ้นไปรำด้วย จนได้เวลาใกล้ ๒๐.๐๐  ก็ประกาศเชิญชวนให้เข้าในตัวโรงละครได้
            ก่อนเวลาการแสดงกลางแจ้ง  ทางด้านซ้ายจะมีการจัดแสดง ๔ ภาคเอาไว้  เช่นเอาบ้านไทย ๔ ภาคเก่าโบราณมาปลูกเอาไว้ทั้งหลัง  มีงานหัตถกรรมของแต่ละภาคให้ชม  เช่นบ้านภาคกลางใต้ถุนบ้าน ตั้งครกตำข้าว แสดงการตำ "ข้าวเม่า"  แล้วคั่วทำข้าวเม่าคลุกใส่กระทงน้อย ให้ชิมฟรีได้เลย จะชิมเท่าไรไม่ว่า สาวที่ตำและแจกข้าวเม่าคลุก ก็แต่งแบบสาวโบราณห่มสไบเฉียง ส่วนภาคอีสานใต้ถุนเรือนแบบอีสาน ก็มีสาวแต่งโบราณ "สาวไหม"  อธิบายเรื่องไหมให้ฟัง  ภาคเหนือมีล้านนา และชาวเขา  ภาคใต้ก็มีชาวใต้ ยืนอธิบายด้วยภาษาใต้  มีธารน้ำ มีเรือพายรอบ ๆ หมู่บ้าน ๔ ภาค  ให้ผู้ไปชมลงเรือได้ฟรี  อย่าไปนั่งโคลงตัวให้เรือล่มก็แล้วกัน เพราะเรือบทลำไม่โต ขอติงไว้นิดเดียว ว่าการปลูกหมู่บ้านสี่ภาคนี้ ชิดกันเกินไปจนถ่ายภาพมาให้ชมสำหรับมืออย่างผม ทำได้ยากและทางเดินภายในหมู่บ้านมันสมัยใหม่คือ  พื้นคอนกรีต น่าจะทำทางเดินแบบถนนคนเดินที่เชียงใหม่  เปิดเป็นถนนคนเดินในเวลากลางคืนทุกคืนวันอาทิตย์ ผมไปเดินมาแล้วสนุก ของถูก ไปกินข้าวต้มบาทเดียว (กับข้าวหลายบาท) และเลขา ฯ ซื้อตุ้มหู คู่ละ ๕ บาท สวย ๆ มาเป็นของฝาก ต้องพื้นบ้านแบบนั้นจึงจะเข้ากันกับบรรยากาศหมู่บ้านโบราณ ขอติงไว้แค่นี้กับเวลาการแสดง ขอให้ตรงเวลาด้วยพอเวลา ๒๐.๐๐ เผงก็เปิดฉากทันที นอกนั้นอลังการชวนชมยิ่งนัก
            อาหาร มีร้านอาหาร ๒ ร้าน  ร้านบุฟเฟร์หัวละ  ๒๐๐ บาท ผมไม่ได้เข้าไปชิม เพราะมื้อเย็นพยายามลดอาหาร ไม่เช่นนั้นจะคุมน้ำหนักไม่อยู่ครับ  อ้วนเมื่อไรโรคจะเข้าแถวตามมาหาทันที อีกร้านหนึ่งหนึ่งอยู่ในศาลาทางซ้ายมือ นั่งที่ร้านนี้จะมองเห็นการแสดงที่เวทีลานกลางแจ้งด้วย มีอาหารไม่มาก  เป็นประเภทกินเล่น  เป็นอาหารว่างรสดีพอใช้ หนุ่มสาวที่เป็นบริกร แต่งชุดไทยนุ่งผ้าโจงกระเบน อาหารมี ปอเปี๊ยะญวนทอด หอยจ๊อ  ใส้กรอกอีสาน (อร่อยมาก) จ๋าวต๋ม หรือกุ้งพันอ้อย ฯ  เครื่องดื่มมีน้ำเปล่า น้ำอัดลมและเบียร์ (ช้าง) ราคาไม่แพง ผมสั่งน้ำดื่มขวดเดียวดื่มกัน ๓ คน หนุ่มบริการตาค้างเลย ไม่ใช่อะไรหรอกพ่อหนุ่ม คนปูนนี้จะเข้าห้องน้ำบ่อย เมื่ออากาศเย็นและเมื่อนั่งชมการแสดงแล้ว ก็ไม่อยากลุกไปไหน  ลุกไปก็จะลำบากด้วยเพราะต้องขอทางเดินผ่านเขาไป นอกจากเราจะได้นั่งริมทางเดิน  เท้าเดิน  ตามัวมองบนเวทีเดี๋ยวก็ได้หกล้มกันเท่านั้นเอง
            กินอาหารว่าง รองท้อง  นั่งชมการแสดงกลางแจ้ง พอใกล้เวลา ๒๐.๐๐  เขาก็ประกาศเชิญเข้าโรงละคร เขาเรียกอย่างนี้ และมีเครื่องตรวจ ห้ามไม่ให้เอากล้องถ่ายรูปเข้าไป  มีห้องให้ฝาก แต่โทรศัพท์มือถือไม่ห้าม แต่ก่อนการแสดงเขาก็ประกาศขอร้องให้ปิดมือถือด้วย  แต่อ้ายหมอที่นั่งข้างผมไม่รู้ว่านักธุรกิจอะไร  ท่าทางก็ไม่ได้ภูมิฐานอะไร พูดโทรศัพท์แทบจะทุกสิบนาที ไม่เกรงใจคนนั่งข้าง ๆ บ้างเลยหรือ  ไปดูหนัง ดูละคร ฟังเพลงทำนองนี้เว้นการพูด การคุย การโทรศัพท์เอาไว้ก่อนเถิด  คนไปชมอยากได้ความสงบ
            "เป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่ที่สุด  และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของที่สุดคือ  การรักษาวัฒนธรรมของชาติเอาไว้  เพราะการรักษาวัฒนธรรมคือ การรักษาชาตินั่นเอง"   เป็นคำนิยมของ ฯ พณ ฯ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์  ผมอ่านพบในหน้าประชาสัมพันธ์ในหนังสือกรุงเทพ ฯ ธุรกิจ และมีลายเซ็นของท่านด้วย  มาอ่านพบในวันที่ตั้งใจจะไปชมพอดี
            การแสดงมี ๓ องค์  ล้วนเน้นถึงวัฒนธรรมไทยที่รุ่งเรืองมายาวนานแทบจะทุกฉาก
            องค์ที่ ๑   ย้อนรอยประวัติศาสตร์ องค์นี้มี ๔ ฉาก
                ฉากที่ ๑  ศรัทธาล้านนานคร  มีขบวนแห่อันยิ่งใหญ่ตระการตา  เริ่มต้นพอเริ่มการแสดงก็กึกก้องด้วยเสียงกลอง สบัดไชย ๓ ใบด้วยกันตีกันมันไปเลย  มีนางฟ้อน นางรำ นักดาบ มีการฟ้อนดาบ แต่งตัวสวยมากแบบล้านนาแท้ การร่ายรำงดงามตรึงตา
                ฉากที่ ๒  ทะเลใต้ การค้าขายกับโพ้นทะเล  มีการร่ายรำ  การใช้ชีวิตของชาวบ้านพื้นเมือง และมีเรือลำโต  วิ่งมาจอดเพื่อค้าขาย เอาสินค้ามาขาย รับสินค้าเอาไปมีทั้งวัฒนธรรมไทยพุทธ ไทยอิสลาม
                ฉากที่ ๓  อีสาน  ตำนานปราสาทหิน  หนุ่มสาวอีสาน ออกมาร่ายรำร้องเพลงในงานบุญวัดพระธาตุพนม ฉากนี้เรียกว่า จำลองภาพปราสาท  ภาพพระธาตุมาให้ชม คนร้อง คนรำหลายสิบ
                ฉากที่ ๔  กรุงศรีอยุธยา ราชธานี ที่รุ่งโรจน์  ย้อนเวลาไปสู่ยุคกรุงศรีอยุธยา เมื่อสามร้อยกว่าปี มีฉากการเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับต่างประเทศ (น่าจะเป็นแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช)
            ทุกฉาก อลังการจริง ๆ เรียกว่า ตรึงให้ติดกับเก้าอี้เลยทีเดียว
            องค์ที่ ๒ มี ๓ ฉาก ท่องไปในไตรภพ
                ฉากที่ ๑  ฉากนี้สู่ดินแดนแห่งจินตนาการ  ได้แก่  นรก หิมพานต์ สวรรค์  เป็นการท่องสู่จินตนาการตามคติความเชื่อของชาวสยาม  เรียกว่า แต่ละฉากที่เปิดโฉมออกมา ก็ทำให้ตื่นตลึงเลยทีเดียว  ยิ่งฉากลงนรก ที่มีการเผชิญหน้ากับพระยายม และเหล่าภูติผีปีศาจด้วยแล้ว  อยากให้อ้ายพวกเป็นโรคจิตประกอบกรรมชั่วทั้งหลายได้ชม  เผื่อจะกลัวตอนลงนรกบ้าง ส่วนผมก็คงจะต้องลงกับเขาเหมือนกัน และกลับตัวไม่ทันแล้ว  ตอนหนุ่ม ๆ ทำกรรมไว้มากเดี๋ยวนี้ ก็ยังทำบ้างคือ การดื่มน้ำเมา ต้องถูกลงต้มในกระทะทองแดง  ฉากนี้เบา ๆ หน่อยได้ก็ดี หวาดเสียวเพราะได้ไปลงแน่ แต่พรรคพวกที่สนิทกันคงได้ไปลงกระทะทองแดง ร้องโอดครวญด้วยกันแยะ
                พอมาถึงฉากป่าหิมพานต์ อันมีความเร้นลับ สวยงาม สุดมหัศจรรย์ ล่องลอยสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์  ดินแดนแห่งเทพยดา และเทพธิดา นางฟ้าทั้งหลาย  ซึ่งมีอินทราเป็นเทพยดาที่สูงสุด ทุกฉากจะสะกดให้นิ่งชมตลอดเวลา  (หากไม่มีอ้าย...นั่งข้าง ๆ หมั่นพูดโทรศัพท์จะสนุกกว่านี้)
            องค์ที่ ๓  เป็นฉากสุดท้าย  ครึกครื้น รื่นเริง สนุกสนาน เป็นฉากที่แสดงการสืบสานประเพณีไทย  ความเชื่อของคนไทยส่วนใหญ่ที่เชื่อกันว่า หากทำความดีแล้ว เมื่อตายจะได้ไปสวรรค์ จึงทำให้เกิดมีประเพณี่งานบุญต่าง ๆ มากมาย  และจะเป็นงานบุญที่ผสมผสานกับงานรื่นเริง รวมทั้งการละเล่นต่าง ๆ สืบทอดกันมานานหลายร้อยปี
            วันนี้คงพาเที่ยวด้วยการไปดูการแสดงของสยามนิรมิต  ที่ไปกัน ๓ คน จ่ายสตางค์ค่าเข้าชมไป ๓,๐๐๐ บาท  ซื้อบัตร ๒ ใบ แถม ๑ ใบ  แต่ไม่ทราบว่าวันที่ท่านอ่านชวนชมของผมแล้ว ตามไปดูเขาจะยังแถมอยู่หรือเปล่า ลองโทรถามเขาดู  ผมบอกเบอร์โทรไว้ให้แล้ว
            ลงไปเป็นกรรมการตัดสินการประกวดการทำอาหาร ของวิทยาลัยอาชีวศึกษาทั่วประเทศ และแข่งขันการทำอาหารเพื่อชิงแชมป์ภาคใต้กันที่วิทยาลัยอาชีวศึกษานครศรีธรรมราช  ผลการแข่งขันวันนั้นแชมป์ภาคใต้ ได้แก่ วิทยาลัยอาชีวศึกษาตรัง  และผลการแข่งขันสุดยอดมือทองจูเนียร์  วิทยาลัยที่นำลิ่วมาเป็นแชมป์ระดับประเทศคือ วิทยาลัยอาชีวศึกษานครปฐม  ได้รถเก๋งไปหนึ่งคัน  ได้ทุนไปตั้งร้านอาหารก็ขอสนับสนุนรายการที่ส่งเสริมแบบนี้ และเป็นการส่งเสริมครัวไทย  ไปสู่ครัวโลกด้วย ในการไปเป็นกรรมการครั้งนี้ ได้แนะนำให้รู้จักร้านอาหารฝรั่งด้วย อาหารไทยก็มีบอกว่า อาหารฝรั่งของร้านนี้อร่อยมาก  โดยเฉพาะพวกเสต็กทั้งหลาย ชิมแล้วรีบเอามาเขียนเล่าให้ฟัง และขอชักชวนให้ไปชิมด้วย  เพราะจะหาร้านอาหารฝรั่ง รสฝรั่งแท้แน่นอน ฝีมือคนไทยแท้อย่างนี้หายาก
            ผมจะบอกเอาไว้ทั้งสองเส้นทาง
               เส้นทางที่หนึ่ง  หากมาจากสี่แยกเกียกกาย  ตรงมาถึงสี่แยกบางกระบือ (โรงเรียนราชินี)  ให้เลี้ยวซ้ายวิ่งตรงเรื่อยมา  จนมาผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ ผ่านสามแยกพิชัย ปั้มน้ำมัน ปตท.  ตรงข้ามสามแยก (ขอจอดรถที่ปั้ม ปตท. ได้)  เลยมาก็ถึงตึกแถว ๓ ชั้น มองเห็นร้านอยู่ทางขวามือ มีรูปอาหารและเมนูอาหาร (แบบร้านเมืองนอก)  ติดไว้หน้าร้าน ประตูทางเข้าค่อนข้างแคบ  หากกินอาหารก็ขึ้นไปชั้น ๒ ส่วนชั้น ๓  เป็นห้องจัดเลี้ยงได้หลายสิบคน ต้องจองไปและสุขาเป็นสากลอยู่บนชั้น ๓  เข้าไปในห้องอาหารแล้ว จะมีบรรยากาศผิดกับตอนอยู่ริมถนนมาก  กลายเป็นห้องอาหารบรรยากาศแบบห้องอาหารเมืองฝรั่ง ที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว  กว้างขวาง จัดสวย หนุ่ม ๆ ที่เป็นบริกร มีความรู้ดี พูดจาสุภาพเรียกว่าหาแบบนี้ หาไม่ได้ในห้องอาหารเมืองฝรั่ง ถามไถ่ดูได้ความว่าเป็นชาวใต้ทุกคน  ก็ชาวสิชล นครศรี ฯ กันทั้งนั้น  เลยคุยกันสนุกไป
               เส้นทางที่ ๒  หากมาจากสถานีรถไฟสามเสน  ก็มาเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเศรษฐศิริ ตรงเรื่อยมาจนข้ามสะพานเกษะโกมล  ตรงต่อไปจนถึงปั๊มเชลล์ทางซ้ายมือ  (ขอจอดรถในปั๊มเชลล์ได้ บอกเขาว่าจะมากินเสต็ก)  เลยปั๊มเชลล์ไปคือ สามแยกพิชัย ร้าน T T ฯ  อยู่เยื้อง ๆ กับปั๊มเชลล์ มองเห็นป้ายร้านชัดเจน โดยปกติแล้วสองฟากถนนย่านนี้ รถจอดได้รวมทั้งในเวลากลางวันด้วย
                วัตถุดิบในการประกอบอาหารร้านนี้ สั่งตรงมาจากต่างประเทศ เช่น เนื้อ, เนื้อแกะ จากออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ปูยักษ์จากอลาสก้า ปลาสโนว์จากอาฟริกา ปลาแซลมอนจากนอร์เวย์  ส่วนปลาเทราท์ไม่ได้บอกว่าสั่งมาจากไหน หรือจะสั่งมาจากบ่อเลี้ยงปลาเทราท์ บนยอดดอยอินทนนท์ก็ไม่ทราบ  หากขี้เกียจสั่งอาหาร และไปมื้อเย็น  เขามี Dinnner Set  ราคาชุดละ ๗๙๐ บาท  ครบเซท ประเภทเรียกน้ำย่อย เนื้อหอยเอสคาโก้ผัดกับกระเทียม และเครื่องเทศ  มีซุปใสเห็ดหอม  จานหลักคือ  เนื้อเซอร์ลอยด์จากนิวซีแลนด์ย่าง ของหวาน พีช เฟรมเบ้ เสริฟกับไอศครีม  ไม่กินเนื้อก็เลือกเอาปลาได้ จานโต ชุดเดียวอิ่มไปเลย
                คณะผมไปกัน ๔ คน  สั่งกันมาคนละแบบ แต่ฝ่ายหญิงพอเมนูหลักกลัวกินไม่หมด เห็นจานที่เขายกมาเสริฟโต๊ะอื่นแล้ว จานค่อนข้างโต  เลยไม่สั่งเมนคอร์ส สั่งมาดังนี้
            ชุดของผม มี
            ซุปหัวหอม  เป็นซุปหอมใหญ่สไตส์ฝรั่งเศส  ขอย้ำว่าแท้แน่นอน รับรองรสของความแท้ โดยเลขา ฯ ประจำตัวของผมเอง  (เคยไปเรียนที่แคว้นก๊อง ตอนใต้ของฝรั่งเศสอยู่ ๒ ปี พอจะรู้รสอาหารฝรั่งเศสบ้าง  เพราะมัวแต่หุงข้าวกินมันถูกสตางค์ดี)    ขอยกมือให้ทั้งมือว่า ซุปของเขาวิเศษจริง ๆ กลิ่นหมอกรุ่นโชยขึ้นมา ร้อนจัด  ความร้อนสุด ๆ ซ่อนอยู่ใต้แผ่นชีส ที่ลอยอยู่ข้างหน้าแล้วโรยด้วยพริกไทยดำ  ชีสจะมีเนื้อหัวหอมปนมาด้วย รสซุปจะอมหวานนิด ๆ  มีขนมปังฝรั่งเศส (บาแก็ต)  ที่อบมาร้อน ๆ กรอบนอก นุ่มในกับเนยสด ขนมปังหมด ขอเพิ่มได้
            ประเภทเรียกน้ำย่อย  AppetiZers  มีหลายอย่าง ผมไม่ได้สั่ง  แต่เลขา ฯ ของผมสั่ง เพราะเขากลัวกินไม่หมดจึงสั่งแต่ซุปกับ เรียกน้ำย่อย ซึ่งจะได้สลัดด้วย คือ สั่ง
            ขาปูยักษ์ จากอลาสก้า ปูยักษ์จริง ๆ ก้ามปูยาวกว่าคืบเมื่อกางออกไป  หากกางมาก็จะล้นจาน ก้ามปูสีแสด  เนื้อปูในก้ามมีมาก  เนื้อแน่น เหนียวได้เคี้ยว มีรสเค็มนิด ๆ เสริฟพร้อมสลัดผัก มีมายองเนส กระเทียมเจียว น้ำส้ม  (คล้าย ๆ น้ำส้ม)  พริกตำละเอียดมาอีกอย่างละ ๑ ถ้วย
            เมนูหลัก  ของผมสั่งเนื้อที่บริกรแนะนำว่าดีที่สุด  แต่ผมไม่เอาเนื้อแกะ ขอเป็นเนื้อวัวเขาก็แนะนำว่ามีเนื้อ "ออสเตรเลีย หรือนิวซีแลนด์ เซอร์ลอยด์ "  เป็นเนื้อดีที่สุด มีขนาด ๘ และ ๑๐ ออนซ์  กลัวกินไม่หมด เพราะมื้อเย็นของผมเบา  เลยเอาแปดออนซ์ ราคาจานนี้ ๖๒๐ บาท  บอกราคาเอาไว้ให้ด้วย  แต่จะคุ้มค่านาน ๆ ไปกินอาหารฝรั่งสักที  ร้านนี้ไม่อร่อยจริงอยู่ไม่ได้  สั่งความ "สุก" มีเดียม  แต่ใครกลัวสุก ๆ ดิบ ๆ ก็สั่งสุกเสียเลยอย่าเผลอไปสั่งคำว่า " แร"  เข้าก็แล้วกัน
            เนื้อย่างจะเสริฟมาพร้อมมันฝรั่งบด (มีให้เลือก เอาข้าวก็ได้)  หรือ ทอด  ส่วนซ๊อสมีให้เลือก บริกรจะถามว่าเอาซ๊อสพริกไทย หรือซ๊อสไวน์ขาว ซ๊อสมินท์ ซ๊อสเห็ดหอมหรือเกรวี่  ผมเลือกเอาซ๊อสเกรวี่  เนื้อที่ย่างแล้วนั้นนุ่ม เกรียมที่เนื้อนอก เนื้อในสีชมภู  นุ่มเหลือประมาณ
            ส่วนลูกชายมีแววนักชิมในอนาคต ของเขาสั่ง มิกซ์กริล มีทั้งหมู เนื้อ ไก่  และแกะ ของหวาน ผมคอไอศคริม สั่งพีช เฟรมเบ้ กับไอศคริม  (เลือกชนิดได้)  เสริฟมาในจานใบโต ใครจะนินทาว่ากินเป็นแต่ไอศคริมก็ช่างประไร

| บน |

สยามนิรมิต: ข้อมูลสยามนิรมิต ท่องเที่ยวสยามนิรมิต ข้อมูลเที่ยวสยามนิรมิต


 
 
dooasia.com
สงวนลิขสิทธิ์ © 2550 ดูเอเซีย    www.dooasia.com

เว็บท่องเที่ยว จองที่พัก จองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ ข้อมูลท่องเที่ยว ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม แผนที่ การเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร จองที่พักและโรงแรมออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ตทั่วโลก คลิปวีดีโอ ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ลาว เวียดนาม ขอขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวลาว การท่องเที่ยวกัมพูชา การท่องเที่ยวเวียดนาม มรดกไทย กรมป่าไม้
dooasia(at)gmail.com ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย. สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์