ท่องเที่ยว || เพิ่มข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว|| ดูดวงตำราไทย|| อ่านบทละคร|| เกมส์คลายเครียด|| วิทยุออนไลน์ || ดูทีวี|| ท็อปเชียงใหม่ || รถตู้เชียงใหม่
  dooasia : ดูเอเซีย   รวมเว็บ   บอร์ด     เรื่องน่ารู้ของสยาม   สิ่งน่าสนใจ  
 
สำหรับนักท่องเที่ยว
ตรวจสอบระยะทาง
แผนที่ 77 จังหวัด
คู่มือ 77 จังหวัด(PDF)
จองโรงแรม
ข้อมูลโรงแรม
เส้นทางท่องเที่ยว(PDF)
ข้อมูลวีซ่า
จองตั๋วเครื่องบิน
จองตั๋วรถทัวร์
ทัวร์ต่างประเทศ
รถเช่า
197 ประเทศทั่วโลก
แลกเปลี่ยนเงินสากล
ซื้อหนังสือท่องเทียว
dooasia.com แนะนำ
  เที่ยวหลากสไตล์
  มหัศจรรย์ไทยเแลนด์
  เส้นทางความสุข
  ขับรถเที่ยวตลอน
  เที่ยวทั่วไทย 77 จังหวัด
  อุทยานแห่งชาติในไทย
  วันหยุดวันสำคัญไทย-เทศ
  ศิลปะแม่ไม้มวยไทย
  ไก่ชนไทย
  พระเครื่องเมืองไทย
 
 
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเกาหลี
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศลาว
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศกัมพูชา
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศเวียดนาม
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศพม่า
ข้อมูลท่องเที่ยวประเทศจีน
 
เที่ยวภาคเหนือ กำแพงเพชร : เชียงราย : เชียงใหม่ : ตาก : นครสวรรค์ : น่าน : พะเยา : พิจิตร : พิษณุโลก : เพชรบูรณ์ : แพร่ : แม่ฮ่องสอน : ลำปาง : ลำพูน : สุโขทัย : อุตรดิตถ์ : อุทัยธานี
  เที่ยวภาคอีสาน กาฬสินธุ์ : ขอนแก่น : ชัยภูมิ : นครพนม : นครราชสีมา(โคราช): บุรีรัมย์ : มหาสารคาม : มุกดาหาร : ยโสธร : ร้อยเอ็ด : เลย : ศรีสะเกษ : สกลนคร : สุรินทร์ : หนองคาย : หนองบัวลำภู : อำนาจเจริญ : อุดรธานี : อุบลราชธานี : บึงกาฬ(จังหวัดที่ 77)
  เที่ยวภาคกลาง กรุงเทพฯ : กาญจนบุรี : ฉะเชิงเทรา : ชัยนาท : นครนายก : นครปฐม : นนทบุรี : ปทุมธานี : ประจวบคีรีขันธ์ : ปราจีนบุรี : พระนครศรีอยุธยา : เพชรบุรี : ราชบุรี : ลพบุรี : สมุทรปราการ : สมุทรสาคร : สมุทรสงคราม : สระแก้ว : สระบุรี : สิงห์บุรี : สุพรรณบุรี : อ่างทอง
  เที่ยวภาคตะวันออก จันทบุรี : ชลบุรี : ตราด : ระยอง

  เที่ยวภาคใต้ กระบี่ : ชุมพร : ตรัง : นครศรีธรรมราช : นราธิวาส : ปัตตานี : พัทลุง : พังงา : ภูเก็ต : ยะลา : ระนอง : สงขลา : สตูล : สุราษฎร์ธานี

www.dooasia.com > มรดกไทย > มรดกท่องเที่ยว > ฉะเชิงเทรา
 
ฉะเชิงเทรา (๑)
| หน้าต่อไป |

ฉะเชิงเทรา (๑)


         แม่น้ำบางปะกงแหล่งชีวิต         พระศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อโสธร
พระยาศรีสุนทรปราชญ์ภาษาไทย          อ่างฤาในป่าสมบูรณ์

           ฉะเชิงเทราเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในเขตภาคกลางตะวันออก จึงอยู่ในกลุ่มจังหวัดชายทะเลตะวันออก มีประวัติความเป็นมาเก่าแก่ ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ประชาชนส่วนใหญ่ตั้งถิ่นฐานอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบางปะกงในอดีตฉะเชิงเทรามีฐานะเป็นฐานะเป็นเมืองจัตวา อยู่ในสังกัดกระทรวงกลาโหม และตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ เป็นต้นมาฉะเชิงเทราก็เปลี่ยนไปสังกัดกระทรวงมหาดไทย จนกระทั่งมีการแปลี่ยนแปลงการปกครองในสมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นระบบมณฑลฉะเชิงเทราก็มีฐานะเป็นเมืองหนึ่งของมณฑลปราจีนบุรี ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๕๙ ได้เปลี่ยนจากเมืองมาเป็นจังหวัด เรียกว่า จังหวัดฉะเชิงเทรา คำว่าฉะเชิงเทราเป็นภาษาเขมรแปลว่า "คลองลึก" ส่วนอีกชื่อที่เรียกกันและเป็นชื่อที่เรียกกันติดปากเสียยิ่งกว่าฉะเชิงเทราคือ ชื่อ "แปดริ้ว" มาจากคำบอกเล่าที่บอกต่อ ๆ กันมาว่า ในแม่น้ำเมืองนี้ปลาช่อนขนาดใหญ่ชุกชุมมาก เมื่อนำมาทำเป็นปลาแห้งจะแล่แนื้อปลาออกได้ถึงแปดริ้ว เลยเอามาเรียกเป็นชื่อเมือง เมืองแปดริ้วเรียกอย่างไม่เป็นทางการ
           ฉะเชิงเทรามีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านการเกษตร ซึ่งปัจจุบันมีการปลูกมะม่วงมากที่สุดในประเทศ และหลักฐานแสดงว่าเป็นเมืองเกษตรกรรมที่นำสมัยมาช้านาน เห็นได้จาก "บันทึกรูปปูนปั้น" บนเชิงชายของอุโบสถวัดสัมปทวนนอก เป็นบันทึกที่เก่าแก่แสดงถึงวิถีชีวิตของชาวเมืองฉะเชิงเทราในอดีต ที่เป็นบรรพบุรุษของชาวแปดริ้ว เป็นเกษตรกรที่มีความสามารถทางชลประทาน รู้จักการสร้างเขื่อนกั้นน้ำทะเล บริเวณชายฝั่งแม่น้ำบางประกง ที่น้ำทะเลท่วมขึ้นมาถึง คลองบางขนากเป็นคลองแรกที่ขุดขึ้นมา เพื่อขยายพื้นที่การปลูกข้าว และใช้เป็นเส้นทางลำเลียงข้าว คลองนี้ขุด เมื่อ พ.ศ.๒๓๑๘ ระหว่างที่ไทยมีปัญหากับญวน จึงขุดเพื่อใช้ประโยชน์ในทางการทหารด้วย
           กลุ่มชนต่าง ๆ ในฉะเชิงเทรามีหลายเชื้อชาติด้วยกันคือ เขมร ลาว รามัญ จีน และไทย
                - ชาวจีน  นั้นเข้ามาตั้งหลักแหล่งตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๓ ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองฉะเชิงเทรา และเมืองปราจีนบุรี ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๔ ชาวจีนที่อยู่ในเมืองฉะเชิงเทรา ได้ขยายตัวมาตั้งหลักแหล่งในเขตบ้านท่าเกวียน และบ้านเกาะขนุน เพราะเป็นแหล่งชุมนุมทางการค้าและการคมนาคม บ้านท่าเกวียน เป็นชุมทางของเกวียนที่เดินทางมาจากบ้านโคกปีป บ้านท่าลาด เป็นแหล่งที่นำสินค้าของป่ามาลงเรือเพื่อต่อไปยังเมืองแปดริ้ว
                - ชาวลาว  ได้อพยพมาจากเวียงจันทร์ เมื่อประมาณ ๒๐๐ ปีมาแล้ว ได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมืองกาย อำเภอพนมสารคาม นอกจากนี้ยังมีตั้งถิ่นฐานที่คลองท่าไข่ อำเภอเมือง และอำเภอสนามชัยเขต มีทั้งลาวพวน ลาวเวียง และลาวเมืองพลาน ส่วนที่อำเภอสนามชัยเขตมีลาวเวียง ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ตำบลท่านา ตำบลตู้ยายหมี
                - ชาวรามัญ  ตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณคลอง ๑๔ ตำบลดอนฉิมพลี อำเภอบางน้ำเปรี้ยว และตำบลพิมพา อำเภอบางปะกง
                - ชาวเขมร  ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ตำบลดงยาง และบ้านสระสองตอน ในเขตอำเภอพนมสารคาม ในอดีตได้มีชาวเขมรถูกกวาดต้อนเข้ามาอยู่ในเขตพนมสารคาม จำนวนหนึ่ง และให้สังกัดกรมกองตามระบบ ในสมัยนั้นมีหน้าที่การงานที่ต้องทำให้แก่ทางราชการ เช่นเป็น "เลกคงเมือง" จะมีหน้าที่อยู่เวรประจำการ ทำงานโยธา อีกพวกหนึ่งเป็น "เลกส่งส่วย" เช่น ส่วยทองคำ ส่วยเร่ว และยังมีเขมรอยู่ที่บ้านแปลงยาง บ้านหัวสำโรง ในเขตอำเภอแปลง ยาวมีการสร้างวัดประจำหมู่บ้าน และรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี และภาษาของตนไว้
           การเดินทางไปจังหวัดฉะเชิงเทรา ไปได้ ๓ เส้นทาง และเหมาะที่จะไปเที่ยวโดยไม่ต้องไปค้างคืนเพราะอยู่ห่างจากกรุงเทพ ฯ เพียง ๘๒ กม. ถนนดีตลอด เป็นถนนสี่เลนในสายหลัก ไปแต่เช้าไปหาอาหารกินตั้งแต่เมื้อเช้า มื้อกลางวันแล้วต่อด้วยมื้อเย็นอีกมื้อหนึ่งก็ได้ เพราะหลังมื้อเย็นขับรถสบาย ๆ ชั่วโมงเศษ ก็ถึงกรุงเทพ ฯ แล้ว
                - เส้นทางหลัก  จากกรุงเทพ ฯ ไปตามถนนรามอินทราไปผ่านมีนบุรี ไม่ทันถึงตัวอำเภอก็แยกซ้าย เข้าถนนสาย ๓๐๔ ไปฉะเชิงเทราได้เลย
                - เส้นทางที่ ๒  จากกรุงเทพ ฯ ไปรังสิตแล้ววิ่งเลาะเลีบยคลองรังสิต พอผ่านอำเภอองครักษ์ก็จะมีทางแยกไปอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทราและต่อไปอำเภอเมืองได้เลย
                - เส้นทางที่ ๓  ไปตามถนนบางนา - ตราด จนถึงบางปะกงแล้วแยกซ้ายไปฉะเชิงเทราได้
           กิจกรรมท่องเที่ยวทางน้ำ มี ๓ รายการ คือ.-
                - การล่องเรือตามลำน้ำบางปะกง  ลำน้ำบางปะกงนี้มีต้นกำเนิดจากทิวเขาสันกำแพง บนที่ราบสูงโคราช ไหลผ่านปราจีนบุรี (เรียกว่า แม่น้ำปราจีนบุรี) ผ่านอำเภอบางน้ำเปรี้ยว ฉะเชิงเทรา จะเรียกว่า แม่น้ำแปดริ้ว ผ่านอำเภอบางคล้า อำเภอเมือง ฉะเชิงเทรา และไหลออกทะเลที่อำเภอบางปะกง รวมระยะทาง ๒๓๐ กม. การท่องเที่ยวทางเรือในลำน้ำบางปะกง จะเริ่มไปจากอำเภอเมืองเพื่อชมธรรมชาติสองฝั่งแม่น้ำ ชมบ้านเรือนเรือกสวน ซึ่งยังคงสภาพความเป็นอยู่อย่างคนไทยโบราณไว้เป็นส่วนใหญ่
           จะผ่านสถานที่ที่น่าสนใจ เช่นอาคารตำหนักกรมขุนมรุพงศ์ศิริวัฒน์ป้อมและกำแพงเมืองโบราณ อาคารศาลากลางหลังเก่า กลุ่มเรือนแพสมัยเก่า วัดวาอารามมีทั้งวัดไทย วัดจีน วัดฝรั่ง เช่น วัดสัมปทวน วัดแหลมใต้ วัดสายชล วัดเว็นต์ปอล ไปขึ้นฝั่งที่วัดโพธิบางคล้า เพื่อชมค้างคาวแม่ไก่ รวมระยะทางวิ่งเรือทวนน้ำขึ้นไป ประมาณ ๒๕ กม. ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ ๓ ชั่วโมง เช่าเรือหรือไปลงเรือที่จัดทัวร์ได้ที่ท่าน้ำวัดโสธรวรารามวรวิหาร หรือที่ท่าน้ำหน้าตลาดมีเรือหางยาว แต่ไปหาลงที่หน้าวัดสะดวกกว่า
                - ล่องเรือรอบเกาะลัด  ที่อำเภอบางคล้าจะมีเรือท่องเที่ยวรอบเกาะลัด ซึ่งเกาะนี้อยู่ที่ปากน้ำโจ้โล้ หรือเจ้าโล้ รอบเกาะลัดจะได้ชมวิถีชีวิต และบ้านเรือนของชาวเกาะลัด ผ่านพระสถูปเจดีย์ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ปากน้ำโจ้โล้ ผ่านวัดโพธิ์บางคล้า ไปเช่าเรือให้ไปที่ริมน้ำติดที่ว่าการอำเภอบางคล้า ที่สวนอาหารริมน้ำ เขายกป้ายบอกไว้ ค่าเรือคนละ ๖๐ บาท เรือออกทุกวัน เวลา ๑๗.๐๐ เฉพาะวันเสาร์ - อาทิตย์ จะมีเรือรอบ ๑๒.๐๐ ด้วย

                - ล่องเรือชมปลาโลมา  บริเวณตำบลท่าข้าม อำเภอบางปะกง ปลาโลมาจะมาจากอ่าวไทย ตามแหล่งอาหารเข้ามา โดยจะเข้ามาในระหว่างเดือนพฤศจิกายน - มกราคม ของทุกปี ปลาดุกทะเลอาหารจานโปรดของปลาโลมาจะมีชุกชุมมาก ปลาโลมาจะอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง ประมาณ ๔๐ - ๕๐ ตัว และจะกระโดดขึ้นมาเหนือน้ำพร้อม ๆ กัน ครั้งละหลาย ๆ ตัว พันธุ์ที่พบมากคือ พันธุ์หัวบาตร (สีเทา) พันธุ์ปากขวด (สีเทาและสีชมพู)
           การชมปลาโลมาโดดขึ้นมาให้ชมนั้น เวลานี้คนไปชมอาจจะผิดหวังบ้างก็ได้ เพราะเมื่อก่อนนี้มีเรือไปลอยลำชมปลาโลมาโดด หรือว่ายกันน้อย ปัจจุบันมีเรือไปชมมากเกินไป ปลาไม่อยู่อย่างธรรมชาติจึงโดดหรือว่ายมาให้เห็นน้อยไป หากคนชมไปกวนมากเข้านานไปก็คงจะไม่มีมาให้ชม
           นอกจากนี้ในเส้นทางล่องเรือยังผ่านป่าชายเลน ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์และนกนานาชนิด อาทิ นกกาน้ำ นกแสก นกกระยาง นกนางนวล นกกระเต็น ค้างคาวแม่ไก่ และลิงแสม เป็นต้น
           จุดลงเรือชมปลาโลมา ถามข้อมูลได้จากเทศบาลท่าข้าม ๐ ๓๘๕๗ ๓๔๑๑ - ๒ ลงเรือที่ท่าเรือหมู่ ๑ ศาลเจ้าแม่ทับทิม โทร ๐ ๓๘๕๗ ๓๔๓๔ และท่าเรือหมู่ ๘ บ้านคลองตำหรุ
           เส้นทางท่องเที่ยว  ฉะเชิงเทรานั้นเป็นแหล่งสรรพาหารที่สำคัญแห่งหนึ่งทีเดียว หากมาจากกรุงเทพ ฯ ตามถนน ๓๐๔ พอเริ่มเข้าเมืองผ่านหลังสถานีรถไฟ ซึ่งตัวสถานีจะอยู่ทางด้านซ้ายตรงข้ามกับสถานีรถไฟ มีร้านขนมเปี๊ยะอร่อยลือชื่อตั้งขายมานานหลายสิบปี ร้านนี้มีถึง ๓ ร้าน คือที่ตลาดบางคล้าร้านหนึ่งเป็นร้านต้นตระกูล แต่สร้างใหม่เพราะร้านดั้งเดิมอยู่ในย่านไฟไหม้ใหญ่ ไหม้ย่านนั้นวอดไปหมด ร้านที่สองมาเปิดที่ตรงข้ามสถานีรถไฟนานเกินสิบปีมาแล้ว เป็นร้านห้องเดียว ร้านที่ ๓ พึ่งเปิดใหม่ ตั้งอยู่ริมถนนสาย ๓๐๔ ในเส้นทางจาก อ.เมืองฉะเชิงเทรา ไป อ.บางคล้า ประมาณ กม.๑๒ - ๑๓ สร้างเป็นร้านใหญ่โตมาก เวลาไปบางคล้าจะอยู่ทางขวามือ สร้างเหมือนศาลเจ้า เข้าไปในตัวร้านเขาจำลองหน้าร้านเก่าแก่ของเขาเอาไว้ให้ชม ร้านเดิมของเขาเปิดมาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๕ จัดร้านสวยน่านั่ง มีที่นั่งให้ด้วย มีกาแฟขาย มีชาจีนให้ดื่มฟรี อย่าลืมซื้อขนมเปี๊ยะของเขานั่งกิน ซดน้ำชา หรือสั่งกาแฟมาซดด้วยก็แล้วกัน
           ขนมเปี๊ยะหลังสถานีอีกร้านหนึ่ง ร้านดั้งเดิมอยู่ในตลาดอำเภอบางคล้าเช่นกัน เดี๋ยวนี้ก็ยังเปิดอยู่ มีซาละเปาอร่อยขายหน้าร้านด้วย เอาไว้ตอนไปบางคล้าผมจะพาไปชิมอีกที
           เลยร้านขนมเปี๊ยะหลังสถานีรถไฟไปแล้ว ทางขวามือจะพบร้านอาหารเช้าที่อร่อย ผมถึงบอกว่าหากขับรถมาเที่ยวแปดริ้วให้มาตั้งแต่เช้าเลยจะได้หาอาหารอร่อยกินกัน ๓ มื้อ หรืออย่างน้อยก็ ๒ มื้อ เช้าและเที่ยง เอากันให้คุ้มค่าที่ขับรถมาและไม่ไกลด้วย
           ข้าวมันไก่หลักเมือง หากไปจังหวัดปราจีนบุรีตรงข้ามศาลหลักเมืองปราจีนบุรี ถนนริมแม่น้ำจะมีร้านข้าวมันไก่ตั้งเรียงกันอยู่ถึง ๓ ร้าน อร่อยทั้ง ๓ ร้าน ๑ ใน ๓ ร้านนั้นมาเปิดสาขาอยู่ที่ถนนมหาจักรพรรดิ์คือ ถนนสายหลังสถานีรถไฟแปดริ้ว ร้านนี้อยู่ห่างจากร้านขนมเปี๊ยะ ประมาณ ๒๐๐ เมตร
           ร้านก๋วยเตี๋ยว อยู่เลยร้านข้าวมันไก่มาหน่อยหนึ่ง ฝั่งขวาเช่นกัน ก๋วยเตี๋ยวเจ้านี้ชิมกันมานาน คงเกินกว่า ๒๐ ปีแล้ว ซดน้ำยามเช้าชื่นใจนัก จะซื้อลูกชิ้นกลับมาเด้งต่อที่บ้านก็ได้
           ข้าวมันไก่เนี้ยว มีรับรองความอร่อยโดยเชลล์ชวนชิม อยู่เลยร้านก๋วยเตี๋ยวหมูไปอีกหน่อย  ร้านใหญ่ขนาด ๒ ห้อง อยู่ฝั่งเดียวกัน ขายมานานเต็มที ร้านจะอยู่ติดกับตลาดนัดกระเบื้อง หากมองดูไก่ในตู้ (ตอนวิกฤตไก่คงแย่ไปพักหนึ่ง) ในยามเช้าจะมองเห็นไก่ตอนตัวอวบแขวนไว้น่ากินนัก สั่งไก่สับมา ๑ จาน ไก่จะเนื้อขาวนุ่ม ไม่เปื่อยยุ่ย ได้เคี้ยว น้ำจิ้มไก่อร่อย และยังมีหม้อซุปอีก ๔ หม้อ ไปชมก่อนก็ได้แล้วชี้เอาหรือถามเขาดู ไม่ได้แจกฟรี และยังมีเป็ดย่างราดน้ำชุ่มฉ่ำ น่าลิ้มลอง จบอาหารเช้า
           อิ่มแล้วแห่งแรกที่จะต้องไปเมื่อไปแปดริ้วหรือฉะเชิงเทรา คือ .-
           วัดโสธรวรารามราชวิหาร  ไปได้หลายเส้นทางและจะพบป้ายบอกทางหลายเส้นทาง เช่นมาตามถนนมหาจักรพรรดิ ก็มีถนนแยกขวาเส้นนี้ก็ตรงไปวัดยโสธรได้ หรืออิ่มข้าวมันไก่ แล้ววิ่งตรงต่อไปจะถึงเชิงสะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง ไม่ข้ามสะพานให้วิ่งลอดใต้สะพานเลี้ยวขวาวิ่งเลียบถนน ผ่านวัดเมือง (วัดปิตุลาธิราชรังสฤษฎ์) ผ่านป้อมเมืองฉะเชิงเทรา สุดทางที่กองพันทหารช่างให้เลี้ยวขวา ไปผ่านอนุสาวรีย์พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ต่อไปก็จะถึงถนนหลัง หรือจะข้างของวัดก็ไม่ทราบ ผมไปครั้งสุดท้ายพระอุโบสถที่สร้างมานานกว่าสิบปีแล้ว คือ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๓๐ ยังไม่แล้วเสร็จสักที ทั้ง ๆ ที่เงินบริจาคมากมายมหาศาล บริเวณรอบ ๆ วัดจึงยังไม่เรียบร้อย แต่ที่น่าชมทเชยคือ ทางวัดได้สร้างที่จอดรถสูงหลายชั้นอยู่ทางขวามือ ขึ้นไปจอดได้ วัดยกป้ายเอาไว้เลยว่าจอดรถฟรี ที่จอดรถของวัดเมื่อสมัยก่อนนี้ตอนที่ยังไม่ได้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ ผมเคยคุยกับท่านเจ้าคุณเจ้าอาวาสวัดยโสธร ซึ่งท่านเป็น "หลวงลุง" ของ พล.อ.พิจิตร  กุลละวณิชย์ ท่านบอกว่าที่นี่มีอิทธิพลมาก วัดเข้าไปควบคุมไม่ได้ ที่จอดรถที่ลานก็มีคนบางพื้นที่คุมกันอยู่ และอีกหลาย ๆ อย่าง รวมทั้งหลอกขายปลาปล่อย นกปล่อยด้วย เพราะผมโดนเข้ากับตัวเอง เขาบอกว่า ๒๐ หรือ ๔๐ บาท นี่แหละจำไม่ได้แล้ว ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องนึกว่าทั้งถุงหรือทั้งกรง ๔๐ บาท แต่พอปล่อยไปเรียบร้อยแล้วเขาก็แบบมือขอสตางค์เป็นตัวละ ๔๐ บาท ๑๐ ตัวก็เจอเข้าไป ๔๐๐ บาท โดนมากับตัวเอง และตั้งแต่นั้นมาก็เขียนประกาศให้ทราบทั่วกัน และผมเองก็เลิกไปปล่อยนกปล่อยปลาที่วัดยโสธรอีก ทุกวันนี้แม้พระอุโบสถราคาพันล้านยังไม่แล้วเสร็จ แต่ก็มีศรัทธาไปกันแน่น โดยเฉพาะวันหยุดแน่นจริง ๆ แน่นตังแต่เช้าเลยทีเดียว จึงขอแนะนำว่าไปกินอาหารเช้าที่แปดริ้วแล้วรับไปไหว้หลวงพ่อโสธรเสียก่อน
           เดิมวัดนี้ชื่อว่า วัดหงส์ สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธโสธร พระพุทธรูปคู่บ้าน คู่เมืองของฉะเชิงเทรา เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ หน้าตักกว้าง ๑.๖๕ เมตร สูง ๑.๔๘ เซนติเมตร ฝีมือช่างล้านช้าง ตามประวัติเล่ากันมาว่าเป็นพระพุทธรูปลอยทวนน้ำมา ได้มีผู้อัญเชิญขึ้นมาจากน้ำ และอัญเชิญประดิษฐานไว้ที่วัดนี้ แต่เดิมเป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ปางสมาธิ หน้าตักกว้างศอกเศษ รูปทรงสวยงาม แต่พระสงฆ์ในวัดเกรงจะถูกลักพาไป จึงได้เอาปูนพอกเสิรมหุ้มองค์เดิมไว้ จนมีลักษณะดังที่เห็นในปัจจุบันนี้
           ทางวัดได้รื้ออุโบสถหลังเก่าออก สร้างพระอุโบสถหลังใหม่งบประมาณการก่อสร้างถึงพันล้าน ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ เมื่อ พ.ศ.๒๕๓๐ ควบคุมการก่อสร้างโดยสำนักงานโยธาจังหวัด พระอุโบสถหลังใหม่เป็นแบบรัตนโกสินทร์ประยุกต์
           ถนนสายข้างวัดหรือหลังวัดนั้นอุดมไปด้วยร้านอาหาร ที่ชอบใจคือหน้าทางเข้าที่จอดรถฟรีของวัด มีตลาดแผงลอยเล็ก ๆ ของวัด ตั้งแผงขายอาหารกันมากมาย ขนมนมเนยมีพร้อม ที่ชอบใจอีกอย่างคือ ขนมจาก ที่ลือชื่อของปากน้ำสมุทรปราการนั้นมาอยู่กันที่นี่ แต่ไปเที่ยวปากน้ำเดี๋ยวนี้หาร้านขนมจากได้ร้านเดียวคือ ร้านลิ้มดำรงค์ที่เก่าแก่ที่สุด ที่ปิ้งขายกันหลายสิบเจ้าริมถนนสุขุมวิทนั้นเดี๋ยวนี้ยกแผงหนีหายไปหมดแล้ว มาเจอที่วัดนี้หลายเจ้ารวมทั้งร้านขายหอยจ๊อจากตลาดหนองมน ก็ยกมาเปิดร้านขายแถว ๆ นี้ด้วย
           พาเที่ยวได้วัดเดียว แต่ต้องถือว่ามาฉะเชิงเทราวันเดียวก็คุ้มแล้ว
           ตลาดบ้านใหม่  คำนี้ใช้ได้เมื่อร่วมร้อยปีมาแล้ว และคงเรียกกันเช่นนี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งกลายเป็นตลาดเก่าแก่ที่สุดของฉะเชิงเทรา ลักษณะแบบตลาดเก่าหลังคาสูง มีร้านห้องแถวไม้ มีคนอยู่มากกว่าเป็นร้านค้า เป็นลักษณะของตลาดแบบนี้ทั่วไป เช่นตลาดเก้าห้อง ที่ อ.บางปลาม้า ตลาดดอนหวาย ก่อนที่ผมจะไปทำให้เขาดัง มีร้านรวงนับร้อย และอีกหลายตลาดที่ยังเหลืออยู่
                - เส้นทางไปตลาดบ้านใหม่  วิ่งมาตามถนนจักรพรรดิ์ จนถึงเชิงสะพานอย่าเผลอข้ามสะพานไป ให้เข้าถนนคุ่ขนานกับสุพานแล้วพบทางแยกซ้ายให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนน "ชุมพล" วิ่งตรงเรื่อยไปจะผ่านร้านของอร่อยรวมทั้งขนมอีกหลายร้าน วิ่งเลยทางแยกขวาเข้าวัดแหลมใต้ (ที่ท่าน้ำมีแพขายอาหารจานเดียว ขนมปังราดน้ำแดงผมเรียกว่า ปังแดง) วิ่งเลยไปจนพบร้านทางขวาใหญ่โตมาก สะอาดมาก เป็นโรงงานกุนเชียงที่อร่อยนัก ขายปลีก ขายส่ง เลยร้านไปจะลอดใต้สะพานรถไฟ ให้ตรงต่อไปจะเป็นตึกสามชั้นอยู่ทางซ้ายมือ หากเลยไปนิดหนึ่งก็จะถึงประตูทางเข้า วัดเทพนิมิตร ตึกสามชั้นคือหอพักสตรีทิพวรรณ ตรงข้ามกับหอพักทิพวรรณคือ ตลาดใหม่อายุร้อยปี จอดรถริมถนนได้สะดวก เข้าตลาดไปแล้วจะมีแต่ห้องแถวไม้เป็นที่อยู่อาศัย เดินผ่านไปสักสิบห้อง ก็จะเลี้ยวซ้ายไปแล้วจะเห็นตู้อาหาร หากเป็นวัดหยุดจะมีสาวตั้งกะทะทอดซาละเปาอยู่หน้าตู้อาหารสด แต่งตัวหน้าตาสวยมองดูไม่รู้นึกว่าลูกค้า นึกสนุกไปขอเขาทอดซาละเปา หลังตู้อาหารและหน้าร้านมีที่นั่งอยู่ ๕ - ๖ โต๊ะ หากเดินต่อไปอีกจะผ่านรถเข็นขายอาหารถุง เลยไปก็ลงท่าน้ำบางปะกง เรือทัวร์จะพาลูกทัวร์มาเที่ยวที่ตลาดนี้
           ร้านหรือโต๊ะเก้าอี้ที่ตั้งอยู่หลังตู้อาหารตรงนี้ติดกับศาลเจ้า คือร้านอาหารที่ลือลั่นของเมืองแปดริ้ว เมื่อสมัยสัก ๔๐ ปีมาแล้ว คงจะเรียกว่าร้านสามสาว ตอนนี้สาวน้อยที่อายุน้อยที่สุดของร้านนี้อายุมากกว่า ๕๐ ปี และเป็นคนเดียวที่มีบุตรมีครอบครัว บุตรสาวก็ทอดซาละเปาอยู่หน้าร้านในวัดหยุด ส่วนอีกสองสาวอายุปาเข้าไปร่วม ๗๐ ปีนั้นยังโสดทั้งคู่ การทำอาหารไม่เหมือนใครใช้เตาฟืนให้ความร้อนมีสองเตา สามพี่น้องนี้ไม่ต้องมีลูกมือ เรียกว่าทำอาหารแบบสามประสาน ไม่ส่งเสียงเอะอะเลย มารับคำสั่ง ถือใบสั่ง เดินไปเตรียมอาหาร อีก ๒ คน ก็จะเข้าหน้าเตา ทำเสร็จคนหน้าเตายกอาหารมาเสริฟ อีกคนหนึ่งหมุนเข้าหน้าเตาแทน สังเกตคนสูงอายุกว่าเพื่อนเข้าหน้าเตาตลอดเวลา อาหารอร่อยมาก ถูกมาก
           เริ่มต้นด้วยการยกน้ำจิ้มมาวาง ๓ ถ้วย น้ำปลาพริก ซ๊อสพริก น้ำส้มพริกขี้หนูทุบ
           เป็ดพะโล้ อย่าโดดข้ามไปเป็นอันขาด น้ำพะโล้ก็อร่อย เข้าเนื้อ เนื้อเป็ดนุ่มนวลนัก
           ไส้หมูทอด เสริฟมาบนผักกาดหอม เคี้ยวสนุก
           ต้มยำกุ้งร้อนโฉ่ เสริฟมาในชาม ต้มยำกุ้งเห็ดฟาง
           ปลาผัดกระเทียม เอาปลาทอดแล้วมาผัดต้นกระเทียม
           คนพื้นบ้านเขาไม่ค่อยมากินอาหารตามสั่ง เขามักจะมากินก๋วยเตี๋ยวผัดไทย และหมี่ผัด หรือก๋วยเตี๋ยว ยังไม่เคยชิม อิ่มแล้ว เดินลึกเข้าไปหลังร้าน (ถามเขาดูก็ได้) ไปกินกาแฟถุงนมยาย กาแฟโบราณขนานแท้ ร้านกาแฟเฮียคูณ ขายมานานพอ ๆ กับสามสาวนั่นแหละ ร้านนี้ขายกาแฟอย่างเดียว เช้า ๆ เขาบอกว่าคอกาแฟดั้งเดิมของแปดริ้วจะมาสังสรรค์กันประจำ

| หน้าต่อไป | บน |

ฉะเชิงเทรา: ข้อมูลฉะเชิงเทรา ท่องเที่ยวฉะเชิงเทรา ข้อมูลเที่ยวฉะเชิงเทรา


 
 
dooasia.com
สงวนลิขสิทธิ์ © 2550 ดูเอเซีย    www.dooasia.com

เว็บท่องเที่ยว จองที่พัก จองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ ข้อมูลท่องเที่ยว ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม แผนที่ การเดินทาง ที่พัก ร้านอาหาร จองที่พักและโรงแรมออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ตทั่วโลก คลิปวีดีโอ ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ลาว เวียดนาม ขอขอบคุณข้อมูลจาก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย การท่องเที่ยวลาว การท่องเที่ยวกัมพูชา การท่องเที่ยวเวียดนาม มรดกไทย กรมป่าไม้
dooasia(at)gmail.com ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย. สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์