หน้าแรก Tick&Trips 3 สถานที่ท่องเที่ยว ที่ต้องไปเยือนในปี 56

3 สถานที่ท่องเที่ยว ที่ต้องไปเยือนในปี 56

0

เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักพิมพ์ เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค ซึ่งผลิตนิตยสารและหนังสือมากมาย เกี่ยวกับเทคโนโลยี ธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมได้ให้บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับบรรณาธิการ แนะนำรายชื่อ สถานที่ท่องเที่ยว ที่ “ต้อง” ไปเยือนในปี 2556 นี้

3 สถานที่ท่องเที่ยว ที่ต้องไปเยือนในปี 56 จาก เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค

1. ไครเมีย (Crimea)
ปัจจุบันไครเมียเป็นรัฐหนึ่งในประเทศยูเครน อยู่ริมทะเลดำ และเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่ได้รับความนิยมอย่างมากเพราะมีภูมิประเทศที่สวยงาม ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาหินปูน และมีชายหาดยาวสุดลูกหูลูกตา ว่า กันว่า… เมื่อโซเวียตล่มสลาย ประเทศต่างๆ แยกตัวออกมาจากรัสเซีย รัสเซียเสียดายไครเมียมาก เพราะมี สถานที่ท่องเที่ยว ที่สามารถนำรายได้เข้าประเทศได้อย่างมากในแต่ละปี


ไครเมีย

ไครเมีย มีวิวทิวทัศน์สวยงามเทียบได้กับ ริเวียร่า เมืองท่องเที่ยวสุดหรูริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ของฝรั่งเศส แต่นักเดินทางไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่พัก และอาหารการกินแพงลิบลิ่ว เหมือนริเวียร่า นอกจากนี้ ไครเมียยังมีอากาศดีเกือบตลอดทั้งปี ต่างจากประเทศอื่นๆ ในแถบนี้ที่มักมีอากาศหนาวเย็นและหิมะตกหนา


พิพิธภัณฑ์ทหารเรือในไครเมีย

สถานที่ท่องเที่ยว ก็มีหลากหลาย เช่น อดีตฐานทัพเรือลับในเมืองบาลัคลาวา ที่สร้างไว้ใต้ดินเพื่อใช้ซ่อมเรือดำน้ำในช่วงสงครามเย็น ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนเข้าชม หรือถ้าต้องการเข้าสปา หมักโคลนเพื่อสุขภาพ ก็สามารถเลือกได้มากมายทั้งชายฝั่งตะวันตกและตะวันออก ส่วนใครชอบประวัติศาสตร์ก็ไม่ควรพลาด ลิวาเดีย พาเลซ ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระเจ้าซาร์เมื่อแปรพระราชฐานมาที่แหลมไครเมีย ที่นี่ยังเคยเป็นสถานที่ประชุมสุดยอดผู้นำ 3 ประเทศ คือ ประธานาธิบดีรูสเวลท์ของสหรัฐอเมริกา นายกรัฐมนตรีเชอร์ชิลของอังกฤษ และประธานาธิบดี สตาลิน ของสหภาพโซเวียต

ช่วงที่อากาศดีที่สุดคือตั้งแต่พฤษภาคมจนถึงตุลาคม การเดินทางก็สะดวกเพราะมีทั้งรถโดยสารสาธารณะ แท็กซี่รถเช่าและรถไฟ นักท่องเที่ยวอาจมีปัญหาในการสื่อสารบ้างเพราะภาษาอังกฤษยังไม่แพร่หลายนัก

2. ราเวนนา (Ravenna)
เมืองราเวนนาเป็นเมืองท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงในแคว้นเอมีเลีย-โรมัญญาทางตอนเหนือของอิตาลี เมืองนี้เคยเป็นเมืองหลักของจักรวรรดิโรมันตะวันตก และอาณาจักรออสโตรกอท ปัจจุบันกลายเมืองที่มีชื่อเสียงจากมหาวิหารกระเบื้องโมเสค นักเดินทางไม่ควรเปรียบเทียบเมืองนี้กับกรุงโรม เมืองหลวงของประเทศ เพราะที่นี่มีขนาดเล็กกว่า เงียบกว่าและสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ก็ไม่ใหญ่โต แต่ราเวนนาเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ มีโบสถ์วิหารที่สวยงามและมีบรรยากาศของเมืองเล็กๆ ที่สวยงามในทุกมุม องค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนที่นี่เป็นมรดกโลกเมื่อปี 2539


วิหารแห่งหนึ่งในราเวนนา ประดับด้วยโมเสค

อาคารเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ 7 จาก 8 แห่งของที่นี่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ในศตวรรษที่ 5 และ 6 ตกแต่งโดยโมเสคที่มีสีสันสวยงาม สาเหตุที่ศิลปะโมเสคถูกนำมาใช้ตกแต่งอาคารอย่างแพร่หลายก็เพราะว่ากันว่าใน สมัยนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้หนังสือ จึงเลือกเล่าเรื่องความเป็นไปของการเมืองและศาสนาในยุคนั้นด้วยภาพโมเสคแทน ในปีหน้านี้ จะมีการจัดเทศกาลโมเสคในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน

เดือนที่น่าท่องเที่ยวที่สุด คือ ระหว่างมิถุนายนถึงตุลาคม จริงอยู่ว่าอากาศดีที่สุดในเดือนเมษายนและพฤษภาคม แต่สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จะจอกแจกจอแจไปด้วยเด็กนักเรียนที่มากันเป็นกรุ๊ป นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาที่นี่โดยทางรถไฟจากโบโลญญา เมืองหลวงของแคว้นนี้ การท่องเที่ยวในตัวเมืองก็สะดวก สามารถเดินชมเมือง ขี่จักรยาน ใช้รถโดยสารสาธารณะหรือแท็กซี่ได้

3. เมืองเมมฟิส (Memphis)
เมมฟิสเป็นเมืองขนาดกลาง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเมืองที่เอลวิส เพรสลี่ย์ นักร้องดังผู้ล่วงลับเริ่มต้นชีวิตนักร้องที่นี่ คฤหาสน์เกรซแลนด์ที่เขาเสียชีวิตก็อยู่ที่นี่ เมืองนี้เป็นเมืองที่ด็อกเตอร์มาร์ติน ลูเธอร์ คิงส์ นักต่อสู้เพื่อสิทธิของคนผิวสีถูกยิงเสียชีวิตขณะกำลังรณรงค์เมื่อปี 2511 แต่ทั้งหมดนี้ทำให้เมืองจมอยู่กับความเศร้า จำนวนนักท่องเที่ยวก็น้อยลงทุกปี


เกรซแลนด์

หลายฝ่ายจึงพยายามปลุกความมีชีวิตชีวาให้กับเมืองนี้ ในปีหน้านี้ เดอะ แสต็ค (the Stax) พิพิธภัณฑ์ศิลปะเพลงโซลอเมริกันซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของบริษัทแสต็ค เรคคอร์ดส์จับมือร่วมกับโรงเรียนดนตรีโซลวิลล์ ชาร์เตอร์จัดการเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของพิพิธภัณฑ์ด้วยการจัดเทศกาลดนตรีกลางแจ้งซึ่งจะประกอบด้วยคอนเสิร์ตและ ปาร์ตี้ตลอดทั้งเดือน


พิพิธภัณฑ์แสต็คในเมมฟิส

นอกจากนี้ เมมฟิสยังมีสวนสาธารณะที่สวยงาม ร่มรื่น หลายแห่งมีขนาดใหญ่ติดอันดับของประเทศ ทางการของเมืองยังสนับสนุนการประหยัดพลังงานและการขี่จักรยานโดยมีแผนที่จะ ขยายเส้นทางสำหรับจักรยานจาก 35 ไมล์เป็น 85 ไมล์รวมทั้งขยายพื้นที่สีเขียวเพื่อเชื่อมเมมฟิสกับเมืองในรัฐอาร์คันซอและ มิสซิสซิปปี้

ในปีหน้านี้ พฤษภาคมเป็นเดือนที่เหมาะที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวเพราะจะมีเทศกาลดนตรีเด อะ แสต็ค ตลอดทั้งเดือน นอกจากนี้ยังมีเทศกาลดนตรีบีลล์สตรีทระหว่างวันที่ 3 – 5 อีกด้วย ส่วนสำหรับใครที่ชอบเรื่องอาหาร ก็จะมีการจัดแข่งขันการทำบาบีคิวระหว่างวันที่ 16-18

นักท่องเที่ยว สามารถย้อนเวลาด้วยการนั่งรถรางโบราณไปตามถนนสายสำคัญๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สิทธิพลแห่งชาติ ริเวอร์วอล์คและเฟดเด็กซ์ ฟอรั่ม ได้ทั้งวันด้วยราคาเพียง 120 บาท

ขอขอบคุณข้อมูล  http://travel.mthai.com

ร่วมแสดงความคิดเห็น