FAM trip

0

เที่ยวครบรึยัง ? เพชรบุรี – ประจวบคีรีขันธ์หากเอ่ยถึง เมืองชะอำ – หัวหิน สองเมืองใกล้เคียง ในจังหวัด เพชรบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ คงจะต้องนึกถึงหาดทรายสีขาว ทะเลใสๆ ท้องฟ้าสีคราม อากาศเย็นๆ นั่งทานอาหารทะเล ท่ามกลางเสียงคลื่นซัดริมหาด อย่างแน่นอน

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เมืองชะอำและหัวหิน เป็นสองเมืองใกล้เคียงที่หลายคนใช้เวลาวันหยุดพักผ่อน มาผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการทำงาน ที่สองเมืองนี้อยู่เป็นประจำ หารู้ไม่ว่า…จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ไม่ได้มีเพียงทะเล เท่านั้นที่เป็นความโดดเด่นประจำเมือง แต่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง ที่หลายคนยังไม่เคยได้รู้จัก และไม่เคยได้สัมผัส ทริปนี้ ดูเอเซียได้รับเกียรติจาก การท่องเที่ยวภูมิภาคภาคกลาง สำนักงานใหญ่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในโครงการ FAM TRIP โดย ททท. เชิญสื่อมวลชน ร่วมเดินทางชมสถานที่ท่องเที่ยวใน เส้นทางกรุงเทพ ฯ – เพชรบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ 6-8 สิงหาคม 2553 จัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวหลายรูปแบบ ทั้งธรรมชาติ ป่า เขา น้ำตก ศิลปะ ต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากทะเล ที่เป็นความโดดเด่นของเมืองเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ด้วยความคาดหวังว่าจะเป็นเส้นทางแนะนำ เพื่อการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยว ได้ทราบเส้นทางและสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยได้ไปและสัมผัส

การเดินทางร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในเส้นทาง กรุงเทพ ฯ – เพชรบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ ในครั้งนี้ ใช้เวลาเพียง 3 วัน 2 คืน เท่านั้นค่ะ เหมาะสำหรับวันพักผ่อนสั้นๆ ของใครหลายคน แต่รับรองว่า ถ้าหากเพื่อน ๆ ได้เดินทางท่องเที่ยวตามเส้นทางที่ดูเอเซียได้ไปสัมผัสมา ต้องได้เที่ยวเต็มอิ่ม สนุกสนานเต็มที่ และได้อะไรเรียนรู้  หลายแง่มุมจากการท่องเที่ยวมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่แน่นอนเริ่มเดินทางวันแรก คณะสื่อมวลชนรวมตัวกันที่สำนักงานใหญ่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดยสารด้วยรถทัวร์ 2 ชั้น เห็นพี่น้องสื่อมวลชนผู้ร่วมทางแล้ว ต้องครื้นเครงไม่เบาแน่  ล้อหมุน เวลาแปดโมงครึ่ง,, นั่นหมายถึง ความสนุกได้เริ่มต้นขึ้น พร้อมกับมิตรภาพดี ๆ จากเพื่อนร่วมทาง

วันแรกกับ เส้นทาง กรุงเทพฯ – เพชรบุรีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งแรกที่เราได้แวะชมคือ คือ ถ้ำเขาหลวง  สถานที่ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงเสด็จประพาสและทรงโปรดถ้ำเขาหลวงแห่งนี้มาก เป็นถ้ำใหญ่และสำคัญที่สุดใน เมืองเพชรบุรี โดยตลอดทางเดินเข้าถ้ำจะพบเจ้าลิงตัวน้อยใหญ่ ออกมารอคอยต้อนรับนักท่องเที่ยว เป็นสีสันหนึ่งของถ้ำเลยล่ะค่ะ,, ถ้ำเขาหลวงแห่งนี้ ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นถ้ำที่มีความสวยงามมาก ด้วยเป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อย อยู่เต็มตลอดทั่วผนังถ้ำ และมีปล่องที่แสงอาทิตย์สามารถส่องเข้ามาภายใน ก่อให้เกิดความสวยงามมากยิ่งขึ้น ,, เป็นความโชคดีของคณะสื่อมวลชนและนักท่องเที่ยว คือมาได้เวลาแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาในถ้ำสวยงามมากที่สุด (เวลาประมาณ 11.00 น.)  และบริเวณของถ้ำแบ่งพื้นที่โดยธรรมชาติเป็น3 ห้องคือห้องแรก มีพระพุทธบาทจำลอง มีหินที่เกิดจากน้ำหยดลงมาเป็นรูปเหมือนเต่า ห้องนี้หินงอก หินย้อยสวยงามห้องที่ 2 มีพระพุทธรูปเรียงรายรอบห้อง มีปล่องให้แสงสว่างเข้ามาพื้นถ้ำ ให้ความสว่างและความสวยงามมาก มีพระพุทธไสยยาสตร์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิที่เป็นมิ่งมงคลของผู้ที่เกิดวันอังคาร,, ทำให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามากราบสักการะ และชมความสวยงามของถ้ำเขาหลวงแห่งนี้เป็นจำนวนมากห้องที่ 3 จะเป็นห้องที่มีพระพุทธรูปองค์น้อยใหญ่ประดิษฐานเรียงราย รวมถึงเจดีย์ใหญ่สีทองอร่ามตั้งตระหง่าน ให้เห็นชัดเมื่อเดินเข้ามาถึง ภายในจะเป็นหินงอกหินย้อยที่เหมือนกับแกะสลักอย่างไรอย่างนั้น และหากเดินต่อไปถึงด้านในจะพบฤาษี ประดิษฐานอยู่ด้วย ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของถ้ำ และด้านขวามือจะเป็นบันไดที่มีความยาวมาก สามารถเดินขึ้นไปทะลุด้านบนได้อีกด้วย แต่ขณะนี้ได้ถูกปิดเอาไว้ชมความสวยงามของหินงอก หินย้อย ในถ้ำเขาหลวงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทางต่อเพื่อไปรับประทานอาหารขึ้นชื่อของเมืองเพชร  “ร้านพวงเพชร”  ร้านอาหารรสจัด ที่ถ้าใครมาเมืองเพชรต้องมาทานที่ร้านอาหารพวงเพชร อยู่ในอำเภอเมืองเพชรบุรี,,อิ่มอร่อยกับอาหารพื้นเมืองรสจัดจ้านแล้ว ก็ได้เวลาสำคัญไปชม “พระธาตุลงลิฟท์” ที่วัด“เพชรพลี” หรือในปัจจุบันเรียกกันว่า วัดพริบพลี”

วัดพริบพลี หรือ “วัดพริบพลี” มีพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 5 องค์ ภายในอาคารวชิรปราสาท ซึ่งเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น ยอดทรงเจดีย์ มีมุข 12 มุข หน้าบันประดับลวดลายปูนปั้นสวยงาม ได้แก่ พระบรมสารีริกธาตุฉัพพัณรังสี พระบรมธาตุทันตธาตุ หรือที่รู้จักกันว่าพระเขี้ยวแก้ว พระเสมธาตุ พระบรมสารีริกธาตุขนาดต่างๆ และพระธาตุของพระอรหันต์ โดยทั้งหมดประดิษฐานในบุษบก ซึ่งสามารถยกตัวขึ้นไปเก็บซ่อนบนเพดานได้อย่าง มิดชิดภายใต้แผ่นไม้จำหลักที่งดงาม เมื่อมีผู้มาสักการบูชาหลวงพ่อท่านจะเป็นผู้กดปุ่มเพื่อให้บุษบกค่อยๆเลื่อนลงมาจากเพดานจนประดิษฐานอย่างสมบูรณ์ในบริเวณแท่นบูชา จึงเรียกกันว่า “พระธาตุลงลิฟท์”

เชื่อกันว่า “การสร้างพระธาตุลงลิฟท์” วิธีนี้เป็นการป้องกันการขโมยพระธาตุหรือพระพุทธรูปซึ่งเจ้าอาวาสองค์เก่าท่านได้สร้างขึ้น  ,, พี่น้องสื่อมวลชนก็ล้วนตื่นตาตื่นใจกับการเคลื่อนตัวขึ้นลงของพระธาตุ ชนิดกดชัตเตอร์ไม่ยั้ง! เมื่อกราบไหว้กันเป็นที่เรียบร้อย ได้ชมความสวยงามของแท่นแกะสลักสวยงามวิจิตระการตรา..ดูเอเซียเอง ก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพมาฝากเพื่อน ๆ ให้ได้ชมกัน..และยังได้วัตถุมงคลจากหลวงพ่อท่านมาบูชาที่บ้านด้วยค่ะ

มาเมืองเพชรทั้งที ก็ต้องมาหาขนมหวานทาน ตามคอนเซ็ปต์คำขวัญประจำเมืองเค้า  “เขาวังคู่บ้าน ขนมหวาน เมืองพระ เลิศลำศิลปะ แดนธรรมะทะเลงาม” คงไม่มีขนมหวานเมืองใดหวานเท่าเมืองเพชร เมืองที่เต็มไปด้วยขนมไทยชาววัง ทั้งขนมหม้อแกง ที่หากใครได้พบพานผ่านมาแถวนี้คงต้องแวะซื้อกันอย่างแน่นอน ,, แต่คราวนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พาเราไปทาน “โอวทึ้ง ขนมลอดช่องกะทิ (นายกี๋)” ขนมขึ้นชื่อร้านดังเมืองเพชร ที่เป็นทั้งลอดช่องกะทิสด และไอศกรีมหลากรส หลากไส้ ที่เลือกได้ตามใจชอบ ,, การันตรีด้วยความเก๋า ที่เก่าแก่ของร้านที่เปิดมายาวนานกว่า 50 ปี สิ่งที่โดดเด่น โดดเด้งของร้านแห่งนี้ นอกจากลอดช่องที่เหนียว เคี้ยวหนุบหนับๆ แล้ว ก็ยังมีเจ้าสีน้ำตาลๆ ในแก้ว หรือเจ้าน้ำตาลข้น ที่เมืองเพชรขึ้นชื่อลือชาหนักหนา เมนู มีให้เลือกมากมายให้ใส่ผสมกันได้ ไม่ว่าจะเป็นขนมปัง ข้าวโพด ข้าวต้มน้ำวุ้น มะยม ลูกชิด วุ้นมะพร้าว ฯลฯ จะสองอย่างสามอย่างแล้วแต่ว่าใครจะชอบใจอันไหน แต่สิ่งที่ทุกแก้วจะขาดไม่ได้เลยก็คือ น้ำตาลข้น ที่ทำมาจากน้ำตาลโตนดแสนอร่อยนั่นเอง (คนจีนจะเรียกว่า “โอวทึ้ง”) รสชาติเด็ดอร่อย ทั้งหอม ทั้งหวาน แบบนี้ ใครมาเมืองเพชรอย่าได้พลาดเชียวค่ะ

ได้กราบไหว้มิ่งมงคลเมืองเพชรกันแล้ว  เพิ่มพลังด้วยความหวานกันแล้ว ถึงเวลาไปผ่อนคลายกับการนวด นวดสปา จากเกลือทะเลแท้ ๆ ที่ “กังหังทอง” ตำบลบางแก้ว อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เป็นกลุ่มอาชีพเกลือทะเลกังหันทอง ได้นำเกลือทะเลมาแปรรูปเป็นเกลือขัดผิว ที่มีคุณสมบัติช่วยขจัดคราบไคลจากผิวให้หลุดออก รวมถึงทำให้ผิวพรรณดีขึ้นพี่น้องสื่อมวลชน และคณะการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยก็ต่างแยกย้ายหามุมเพื่อนวดสปาด้วยเกลือทะเล ผ่อนคลายความเมื่อยล้ากัน หมุหินเองได้มีโอกาสนวดฝ่าเท้า ด้วยการแช่เท้าในน้ำเกลืออุ่น ๆ ผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการเดินมาทั้งวัน พร้อมกับนวดด้วยน้ำมันอโรมาที่มีกลิ่นหอมผ่อนคลาย สบายอย่าบอกใครเลยค่ะ ,, พี่เค้ายังมีการกดจุดให้ด้วย ใช้ไม้กดจุด นับๆ แล้ว 26 จุด ไม่ทราบว่าจุดไหนช่วยอะไรได้บ้าง แต่สบายและผ่อนคลายสุด ๆ  ..นอกจากนี้แล้วยังมีการสาธิตขัดผิวตัว และนวดตัว นวดแผนไทย นวดอโรมาต่าง ๆ และจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกลือขัดผิว ทั้งผิวหน้า ผิวกาย ครบชุด,, กันเลยทีเดียวค่ะหลังจากออกจากบ้านกังหันทอง ก็เป็นเวลาเย็นพอดี ต่างคนจึงต่างเข้าที่พักอาบน้ำพักผ่อนก่อนที่จะไปรับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหาร  ที่ริมหาดชะอำ อิ่มอร่อยกันไปถ้วนหน้ากับอาหารทะเล บรรยากาศริมท้องฟ้าสีคราม หาดทรายสีขาวในวันนี้ ทานอาหารเรียบร้อย ก็เดินทางพักผ่อนที่ โรงแรมธารามันตรา ริมหาดชะอำเตรียมตัวผจญภัยกับทริปในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์กันเลย

เส้นทาง เพชรบุรี – ประจวบคีรีขันธ์สดใสรับวันใหม่.. กับเส้นทางเพชรบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่สองของ FAM TRIP โดย ภูมิภาคภาคกลาง  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย  (ททท.) ทานอาหารเช้า เก็บกระเป๋า เช็คเอาท์กันเรียบร้อยแล้ว รีบสะพายกล้องขึ้นรถทัวร์คันเดิม เพื่อเดินทางไปยังจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมืองหัวหิน ถิ่นมีหอย กันเลยอย่างที่รู้กันดีนะคะว่า เมืองหัวหิน เป็นเมืองวังเก่า เมืองน่าอยู่ที่มีความงดงาม โดยเฉพาะพระราชวังต่าง ๆ ถนนหนทางก็ไม่คับแคบ และหาดสวยๆ ของหัวหินนี่ล่ะค่ะ เสน่ห์ของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนแห่กันเข้ามาเที่ยวเมืองหัวหิน  อย่างไรก็ตาม ประจวบคีรีขันธ์ไม่ได้มีเพียง ทะเล และพระราชวังที่งดงามเท่านั้นค่ะ ที่นี่เค้ายังขึ้นชื่อเรื่องของป่าเขา ลำเนาไพร ความสวยงามทางธรรมชาติในเชิงนิเวศ ความสมบูรณ์ของป่าไม้อีกด้วย โดยเฉพาะที่ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะพาเราไป คือ น้ำตกป่าละอู 15 ชั้น ในเขตพื้นที่อุทยานแห่ง ชาติแก่งกระจานเดินทางเพียงไม่นาน ก็เข้าสู่ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกันแล้วล่ะค่ะ.. ก่อนเข้าจะเข้าต้อง เสียค่าธรรมเนียมตามระเบียบ คนไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ส่วนคนต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท จากทางเข้าอุทยาน จนถึงน้ำตกป่าละอู 15 ชั้นต้องเดินทางเข้าไปประมาณ 4 กิโลเมตร ก็จะเจอความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้รอบด้าน ทั้งพืชพันธ์ไม้ สัตว์ป่า ก็ยังคงความอุดมสมบูรณ์ไว้ให้เห็นกันอยู่ ลงจากรถก็ได้ยินเสียงน้ำตก ซ่า ซ่า…ดังก้องทั่วทั้งป่า บ่งบอกถึงขนาดของน้ำตกที่ใหญ่มาก ซึ่งน้ำตกป่าละอู 15 ชั้นที่นี่มีถึง….. ชั้น เห็นเพียงชั้นแรกก็หลงเสน่ของป่าแห่งนี้แล้วล่ะค่ะ ทั้งความอุดมสมบูรณ์ ทั้งน้ำใสที่ไหลเย็น ปลาเล็กน้อยใหญ่ แหวกว่ายไปมา มองแล้วก็เพลินตาจริงๆ,, พี่น้องสื่อมวลชนของเราไม่รีรอจ้า รีบวิ่งหามุมสวยถ่ายรูปเก็บไปฝากเพื่อน ๆ กันเต็มที่เค้าบอกว่า น้ำตกยิ่งสูงยิ่งสวย ดูเอเซียได้มีโอกาสขึ้นไปถึงชั้น 2 นิด ๆ เท่านั้น เพราะด้วยฝนที่ตกลงมา และระยะทางไกล โดยเฉพาะเส้นทางที่ใช้ต้องขึ้นเขาทำให้ไม่สะดวก เลยเก็บภาพมาให้เพื่อน ๆชมได้ สามชั้นเท่านั้น ..แต่เพียงเท่านี้ก็กระตุ้นให้หลายคนอยากจะมาที่นี่แล้วล่ะค่ะ,, ดูเอเซียสัญญาว่าคราวหน้าจะพาปีนไปถึงชั้น 5 ให้ได้..เค้าบอกว่าสวยที่สุด !! ไม่พลาดแน่ ๆค่ะ

กว่าจะเดินทางกลับก็เที่ยงพอดิบพอดี คณะการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และพี่น้องสื่อมวลชนทั้งหมดก็ขึ้นรถเดินทางออกจาก น้ำตกป่าละอู 15 ชั้น เพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันที่ “ร้านอาหารอยู่เย็น” ร้านอาหารน่ารัก ลมเย็น ๆริมหาดหัวหิน และมีร้านกาแฟน่ารัก ๆ อยู่ภายในร้านอีกด้วย ชื่อ “บ้านกาแฟหัวหิน” อาหารที่นี่อร่อยมากๆ ค่ะ และนอกจากจะได้บรรยากาศริมหาดสวย ๆ ลมเย็นๆ แล้ว การตกแต่งร้านก็น่ารักไม่เบาเลยล่ะค่ะ เห็นแล้วประทับใจจริงๆ ร้านนี้ดูเอเซียแนะนำเลยค่ะ เด็ดประทับใจ!!ทานอาหารอร่อย ๆ อิ่มหนำสำราญ ชมบรรยากาศริมหาดหัวหินไปแล้ว ก็ต้องออกเดินทางต่อ.. เราไปดูภูมิปัญญาชาวบ้านที่บ้านเขาเต่า ศูนย์หัตถรรมทอผ้าฝ้ายเขาเต่า จ.ประจวบคีรีขันธ์ อยู่ห่างจากตัวเมืองหัวหินมาทางใต้ประมาณ 7-8 กิโลเมตรเท่านั้น เขาเต่าเป็นหมู่บ้านที่อยู่ติดชายทะเล  เมื่อครั้น สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎรที่หมู่บ้านเขาเต่า จึงทรงรับสั่งให้มีการจัดตั้งศูนย์อบรมทอผ้าฝ้ายด้วยมือ ให้ชาวบ้านในหมู่บ้านและบริเวณใกล้เคียงได้เข้ามารับการอบรมและยึดอาชีพทอผ้าฝ้ายเป็นอาชีพเสริม แต่ปัจจุบันฝ้ายทอมือได้เป็นอาชีพหลักของชุมชน ที่ทำมายาวนานกว่า 40 ปี และมีรายได้เลี้ยงชีพ และเป็นสินค้าโอท็อปติดตลาดแล้ว

ปัจจุบันทางกลุ่มโครงการได้พัฒนาจากการทอผ้าขาวม้า มาเป็นผ้าที่มีลายการทอยกดอกลายต่างๆ เช่น ลายดอกบานชื่น ลายดอกดาหลา และยังมีลายที่เป็นเอกลักษร์ของหมู่บ้านเขาเต่า ได้แก่ ลายก้างปลา ลายคลื่นทะเล ลายลูกเต๋า ลายดอกมณฑาทอง และผ้าขาวม้าลายเก้าเส้น อีกทั้งภายในโครงการยังมีสินค้า OTOP จัดจำหน่ายอีกมากมายได้ผ้าติดไม้ติดมือกันไป คนละชิ้นสองชิ้น กระจายรายได้สู่ชุมชนกันแล้ว ก็ออกเดินต่อเข้าเมืองหัวหิน ย้อนความหลังหัวหินสมัยก่อน ที่ “เพลินวาน” จุดเริ่มต้นที่มาจากความรักและคิดถึงหัวหินในวันก่อน เพลินวานจึงถือกำเนิดขึ้น เพื่อให้เป็นศูนย์กลางจุดหมายการเดินทางแห่งใหม่ของคนหัวหินและนักท่องเที่ยวที่มาเยือน โดยภายในจะมีร้านค้ามากมาย ทั้งของของเก่า สะสมโบราณ เพียงแค่เดินเข้าไปด้านในก็จะได้บรรยากาศคล้าย ๆ งานวัด มีธงสีสัน เต็มตลอดทาง นักท่องเที่ยวต่างเข้ามาเที่ยวชมเป็นจำนวนมาก เพราะไม่ได้มีเพียงร้านค้าที่เป็นของเก่า แต่ยังมีร้านอาหารโบราณ “กาแฟเพลินวานมีหู” ที่ใครมาก็ต้องซื้อดื่มให้โก้หรูตามคอนเซ็ป  และยังมีเพลินบาร์ไว้นั่งดื่ม มีดนตรีสดให้นั่งฟังสบายๆ  และภายในยังมีเครื่องเล่นตั้งแต่สมัยคุณปู่ยังหนุ่ม ให้เราได้ชื่นชมกันอีกด้วย ,, มองไปทางไหนก็เจอร้านรวงเต็มไปหมด อีกทั้งนักท่องเที่ยวทั้งคนไทย ทั้งต่างชาติ ที่ใครมาหัวหิน ต้องไม่พลาด!! มาเถอะค่ะ แล้วคุณจะรู้ว่าหัวหินในสมัยก่อน มีดีอย่างไรเหน็ดเหนื่อยจากการเดินช็อปปิ้งที่เพลินวานแล้วก็เข้าห้องพัก ได้หลับพักผ่อนกันซักงีบเพื่อเก็บแรงเดินช็อปปิ้งต่อที่ “CICADA MARKET” หรือ “ตลาดจักจั่น” ตลาดนัดรวมพลคนทุกวัย ตลาดแห่งใหม่ของเมืองหัวหิน ที่เปิดได้ไม่ถึงปีเลยค่ะ แต่เต็มไปด้วยร้านอาหาร และร้านค้า รวมถึงแกลอรี่ภาพถ่ายมากมาย ให้ได้ชื่นชมและซื้อหากัน ,,ตลาดจักจั่น เปิดเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา ประมาณบ่ายสามถึงเที่ยงคืนกันเลย และมีการแสดงดนตรีสด โขนละคร มากมายให้นักท่องเที่ยวได้ชมกัน พื้นที่ของ CICADA MARKET ค่อนใหญ่ข้างมาก ทำให้เดินช็อปปิ้งเหนื่อยเมื่อยล้ากันเลยทีเดียว แต่ได้ของดีๆ งานแฮนเมดเก๋ ๆ  มาก็คุ้มค่ะ ,,  เหน็ดเหนื่อยกับการช็อปแล้วก็ทานอาหารค่ำ กันที่ “ขันน้ำซีฟู๊ด” ร้านอาหารซีฟู๊ดชื่อดังของหัวหิน อาหารทะเลสดอร่อย อย่าบอกใคร ,, อิ่มอร่อยกันแล้วก็โบกมือลาบ๊าย บาย หลับฝันดี เตรียมตัวสะพายกล้องท่องเมืองประจวบฯ ในยามเช้า

วันที่สาม เส้นทาง ประจวบคีรีขันธ์ –  เพชรบุรี – กรุงเทพยิ้มสวย ๆ รับแดดจ้ากับวันสุดท้ายของ FAM TRIP โดย ภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในเส้นทาง กรุงเทพ – เพชรบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ ,, คณะเรายังอยู่ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ วันนี้เป็นวันสุดท้าย แน่นอนว่าสนุกสนานและมีความพิเศษไม่แพ้กับสองวันที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ,, ทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย แปดโมงครึ่งล้อหมุนจากโรงแรมซีบรีส หัวหิน ไปสักการะหลวงปู่ทวด องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ที่ “วัดห้วยมงคล” ชมความสวยงามของหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ ตั้งตระหง่านสูงเสียดฟ้า และมีนักท่องเที่ยว ลูกศิษย์ลูกหากราบไหว้สักการะขอพรเป็นจำนวนมาก บ้างก็กราบไหว้แล้วลอดใต้ท้องช้างเพื่อสิริมงคล กราบไหว้พระเจ้าตากสินมหาราช  , กราบไหว้เจ้าแม่ตะเคียนทอง บ้างก็บูชาวัตถุมงคล  บ้างก็ปล่อยปลา เรียกว่ามาวัดนี้ ได้ทำบุญด้วย ทำทานด้วย เต็มอิ่มกันเลยทีเดียวอิ่มบุญกันแล้วก็เดินทางต่อไปชมศิลปะ ของบรรดาศิลปินเมืองหัวหิน ที่ได้รวบรวมเอาผลงานต่างๆ มาไว้ใน “บ้านศิลปิน” บ้านที่มีพื้นที่กว่า 10 ไร่ เพื่อเก็บผลงานของศิลปินของแต่ละครอบครัว สรรสร้างและนำมาโชว์ จำหน่ายภายในบ้านศิลปิน โดยมีอาจารย์ ทวี เป็นประธานกลุ่มบ้านศิลปิน ที่ดูเอเซียได้มีโอกาสสัมภาษณ์ความเป็นมาเกี่ยวกับบ้านศิลปิน รวมถึงความน่าสนใจของที่นี่มาให้เพื่อน ๆชมกันด้วยค่ะ

นอกจากจะมีผลงานของอาจารย์ทวี และอาจารย์ท่านอื่นๆ แล้ว ที่นี่ยังมีของเก่าสะสมโบราณ เอาไว้โชว์และจำหน่ายให้นักท่องเที่ยว รวมถึงมีการเวิร์คช็อปศิลปะจากครูนาง และครูแอน ในบ้านวาดเขียน(ส่วนหนึ่งของบ้านศิลปิน) การเวิร์คช็อปที่ไม่จำกัดอายุ จะเด็กจะผู้ใหญ่ก็สนุกสนานกับการวาดเขียนได้ เพียงเวลา 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น,, นอกจากนี้ยังมีร้านกาแฟ ไว้บริการด้วยค่ะ รวมไปถึงงานแฮนเมดเก๋ ๆ เรื่องราวของเมืองหัวหินที่ได้รวมไว้จำหน่ายที่นี่อีกด้วยได้ชมศิลปะเมืองหัวหินอีกแง่มุมหนึ่งไปแล้ว ก็ออกเดินทางไปชมความน่ารักของสัตว์สี่เท้าขนาดใหญ่คู่บ้านคู่เมืองไทยของเรา นั่นก็คือ.. ช้าง ที่ “บ้านช้างหัวหิน” เป็นหมู่บ้านที่อยู่กันมายาวนานกว่า 10 ปีแล้วค่ะ มีช้างราว ๆ 10 เชือก เอาไว้บริการนักท่องเที่ยวได้สนุกสนาน กับการนั่งช้างชมป่า ชมเขา ดูความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ วิวทะเลหัวหิน และวิถีชาวบ้านของชุมชนหมู่บ้านช้างที่มีไม่กี่ครัวเรือนนอกจากนี้ยังมี การแสดงโชว์จากเจ้าช้างน่ารัก (น้องเพิ่มทรัพย์) ช้างสาวแสนรู้โชว์ความสามารถให้เราได้ชมกัน จะบอกจะสั่งอะไรก็ทำได้หมด โพสท่าถ่ายรูปได้น่ารักมาก ๆ  เป็นที่ชอบใจของนักท่องเที่ยวที่มาชมยิ่งนัก นอกจากนี้ยังเล่นดนตรี มอแกน ตีระนาด และวาดเขียนได้อีกด้วย  เอาใจสื่อมวลชนไปเต็ม ๆ

จบทริป 3 วัน  2 คืน เส้นทาง กรุงเทพมหานคร – เพชรบุรี – ประจวบคีรีขันธ์ ในโครงการ FAM TRIP โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นที่เรียบร้อยค่ะ  และดูเอเซีย จะไม่มีโอกาสไปเก็บภาพสวยๆ  สถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม น่าเที่ยวแบบนี้มาให้เพื่อน ๆ ได้ชม หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่เชิญดูเอเซียไปร่วม FAM TRIP ในครั้งนี้  ส่วนทริปหน้า เราจะไปที่แห่งใด ในเมืองไทย เพื่อน ๆดูเอเซียต้องรอติดตามกันต่อไปนะคะ

สำหรับทริปนี้ ขอขอบคุณ พี่แอ้ด ณิตยา อ่วมพิทยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่าย ภูมิภาคภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  พี่สุคน สุคนธ์ ริ้วทอง หัวหน้างานพัฒนาและส่งเสริมการตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

 

เชิญแสดงความคิดเห็น