เที่ยวเลยสบายๆ 2 คืน 3 วันกับดูเอเซีย.คอม

0

วันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวกันที่จังหวัดเลยอีกครั้ง จังหวัดที่ขึ้นชื่อว่าหนาวเย็นที่สุดในแดนสยามจังหวัดเลยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ถ้าพูดถึงจังหวัดเลยเมื่อก่อนนั้นที่ทุกคนคิดถึงอันดับแรกก็คงไม่พ้นภูกระดึง หรือว่าผีตาโขนที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้วถือว่าเป็นอันดับแรกๆที่เมื่อพูดถึงจังหวัดเลยและทุกๆคนต้องคิดถึงเหมือนเป็นโลโก้ของจังหวัดเลยทีเดียว แต่ยังมีสถานที่น่าสนใจอีกหลากหลายอย่างแตกแยกย่อยกันออกไปไม่ว่าสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติอย่างภูกระดึง ภูเรือ ที่รู้จักกันดีแล้ว ยังมีวัดวาอาราม ศิลปวัฒนธรรมที่น่าสนใจแล้ว ที่ขาดไม่ได้เลยในช่วงไม่กี่ปีมานี้กับสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตอย่างเชียงคานั่นเอง เอาเป็นว่าไม่รอช้าดูเอเซีย.คอม พาเพื่อนๆไปเที่ยวด้วยกันเลยดีกว่าได้เวลาออกเดินทางไปพร้อมๆกันแล้ว ในวันนี้เราออกเดินทางกันในตอนเช้าเวลาดี เก้าโมงกว่าๆมุงหน้าสู่จังหวัดเลยกันทันทีเราจะใช้เวลาในการเดินทางโดยรถส่วนตัวประมาณ5-6 ชั่วโมง เรามาเล่าโปรแกรมในการเดินทางในครั้งนี้คร่าวๆให้เพื่อนๆได้รู้กันก่อน ในครั้งนี้เราจะเดินทางกัน 2 คืน 3 วันถือว่ากำลังดีเที่ยวสบายๆ วันแรกเลยจะออกจากกทม.มุ่งหน้าสู่จังหวัดเลย เข้าอ.ด่านซ้าย อำเภอนี้มีผีนะขอเตือนเอาไว้ก่อน(ผีตาโขนนั่นเอง)โดยในอำเภอด่านซ้ายนี้เราจะไปกันที่ วัดเนตรมิตรวิปัสนา พระธาตุศรีสองรัก และพิพิธภัณฑ์ผีตาโขนผีตาโขนเมื่อเราเดินทางมาถึงก็แวะที่ วัดเนตรมิตรวิปัสนา กันก่อน

วัดเนรมิตวิปัสสนา

อยู่ห่างอำเภอด่านซ้าย ๑ กิโลเมตร เป็นวัดที่มีพระอุโบสถทำจากศิลาแลงที่สวยงาม ที่สุดภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานของ พระพุทธราชชินราชจำลอง และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างเขียน ชาวด่านซ้าย วัดนี้สร้างด้วยทุนทรัพย์มหาศาล ซึ่งก่อสร้างได้เพราะบุญบารมีของ พระครูภาวนาวิสุทธิญาน (หลวงพ่อมหาพัน) ที่มรณภาพไปแล้ว เป็นสถานที่ที่ใครเดินทางมาถึงด่านซ้าย ไม่ควรลืมแวะไปนมัสการและเที่ยวชม หลังจากที่เราแวะกราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลกันแล้วคราวนี้เราเดินทางไป ไหว้พระธาตุศรีสองรักกันต่อซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน แต่ว่าวันนี้เราเดินทางมาถึงค่อนข้างเย็นแล้วบวกกับมีฝนตกโปรยปรายลงมาก็เลยเลือกที่จะเข้าที่พักของเรากันก่อนดีกว่า ที่พักของเราในครั้งนี้นั่นก็คือ สวนชัชนาถรีสอร์ท ที่พักท่ามกลางธรรมชาติ ที่ไม่ว่าเมื่อไรที่เราเดินทางมาสู่จังหวัดเลยแล้วพลาดไม่ได้ที่จะแวะเวียนมาพักที่สวนชัชนาถ เพราะเหมือนกลับมาอยู่บ้านซึ่งเราเคยมาพักกันแล้วก็ต้องติดใจกับธรรมชาติและที่สำคัญที่สำคัญก็คือความอบอุ่นมิตรภาพ การต้อนรับอย่างดีเหมือนเป็นคนในครอบครัว พอได้กลับมาแล้วเหมือนกับมาเยี่ยมบ้าน มาเยี่ยมครอบครัวเราเองไม่ใช่เป็นแค่ที่พักธรรมดาๆ ได้ได้รับการดูแลอย่างดีดุจญาติมิตร เมื่อเรามาถึงก็รู้สึกเหมือนมาเที่ยวธรรมชาติด้วยได้นอนท่ามกลางธรรมชาติทำให้หายเหนื่อยล้าจากการเดินทางเป็นอย่างดี เช้าวันที่สองของการเดินทางเราตื่นนอนกันแต่เช้าตรู่เพื่อออกเดินทางไปอุทยานแห่งชาติภูเรือชมความงดงามของทะเลหมอก แต่ไม่รู้ว่าจะได้เห็นความงามของทะเลหมอกแค่ไหนเนื่องจากเป็นช่วงหน้าฝน แต่เมื่อขึ้นไปถึงก็รู้สึกโชคดีมากเพราะเช้านี้อากาศแจ่มใสพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกและหุบเขาสวยงามมากชื่นชมความสวยงามกันได้ซักพัก รู้สึกว่าท้องเริ่มร้องหาอาหารกันแล้ว โดยมื้อเช้าที่เราติดใจมากหลังจากที่ได้มาชิมในปีที่แล้วตอนที่ได้มาพักที่สวนชัชนาถก็คือ ไข่กระทะ ขนมปังญวน และข้าวต้มกระดูกหมู อร่อยมากๆๆๆ อากาศเย็นๆ ได้กินข้าวต้มร้อนๆชมวิวธรรมชาติมองไปไกลสุดสายตาทำให้รู้สึกสบาย (อยู่กทม.มองไปทางไหนก็เจอแต่ตึกและความวุ่นวาย)

หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารมื้อเช้ากันแล้วเราก็กลับบ้านพักเตรียมอุปกรณ์ชาร์ตแบตกล้องและแบตคนด้วยเพราะเราตื่นกันแต่เช้าจะได้มีแรงเที่ยวต่อไป เพราะวันนี้เราจะต้องเดินทางข้ามประเทศกันเลยทีเดียว ช่วงนี้เราขอนั่งจิบกาแฟเดินชมบรรยากาศชมกล้วยไม้สวยๆจากนั้นก็เอนหลังกันซักงีบ หลังจากงีบไปซักชั่วโมงเราก็ตื่นมาพร้อมความสดชื่นและมีพลังที่จะเดินทางต่อไปจะได้เที่ยวอย่างสบายๆเพราะบางทีถ้าโปรแกรมการเที่ยวเราแน่นเกินไป ทำให้เที่ยวแล้วเราจะเหนื่อย ซึ่งความจิงเราควรจะมาเที่ยวแล้วสบายๆมากกว่าจะได้มีความสุขไม่เร่งรีบเกินไปเพราะชีวิตทุกๆวันของเรานี้ก็เร่งรีบกันอยู่แล้วหลังจากเตรียมความพร้อมกันทั้งคนทั้งกล้องเรียบร้อยจุดหมายปลายทางของเราในวันนี้ก็คือเชียงคานสถานที่ยอดฮิตอีกแห่งหนึ่งในยุคสมัยนี้ วันนี้เราสบายๆไม่ต้องเร่งรีบมาก ก่อนจะเดินทางไปเชียงคานนั้นเราจะไปชม พิพิธพันธ์ผีตาโขน ที่วัดโพนชัยกันก่อน

พิพิธภัณฑ์ผีตาโขน

ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดโพนชัย ห่างจากอำเภอเมือง  ๘๒ กิโลเมตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการศึกษาสำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับงานประเพณีบุญหลวงและการละเล่นผีตาโขน อาคารพิพิธภัณฑ์เป็นเรือนไม้จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเมืองด่านซ้าย นิทรรศการผีตาโขนการสาธิตการทำหน้ากากผีตาโขนและสินค้าที่ระลึกผีตาโขนในรูปแบบต่าง ๆเปิดให้ชมทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. จากที่ชมพิพิธภัณฑ์ผีตาโขนกันแล้วเราก็มาแวะนั่งทานอาหารกลางวันชิลชิลกันบนแพที่อ่างเก็บน้ำห้วยกระทิง อิ่มอร่อยกับอาหารกลางวันบนแพกลางน้ำล้อมที่รอบด้วยภูเขาจากนั้นเราก็จะเดินทางออกนอกประเทศกันเลย

วันนี้เราจะพาเพื่อนๆข้ามฝั่งไปที่ฝั่งลาวนั่นเอง ก่อนที่จะข้ามไปฝั่งลาวนั้นเราต้องมาทำไปผ่านแดนกันที่อำเภอกันก่อนซึ่งอยู่บริเวณด่านข้ามแดนพอดี ใช้เวลาประมาณ15-20นาทีแล้วแต่จำนวนคนที่ทำเมื่อเราได้ใบผ่านข้ามแดนมาแล้วเราก็ต้องนั่งเรือข้ามแม่น้ำโขงซึ่งต้องมีคนลงครบห้าคนเรือถึงจะออกถ้าน้อยกว่านี้ก็จะต้องจ่ายแพงขึ้น เรามากันสี่คนจ่ายไปคนละ 50 บาทเพราะมีชาวบ้านที่นั่งรออยู่แล่วอีก 1 คน คือคิดง่ายๆก็เที่ยวละ 250 บาทนั่นเอง ไปน้อยก็หารมากขึ้น(ราคาเที่ยวเดียวนะไม่ใช่ไปกลับ)เมื่อไปถึงก็จะมีรถสามล้อเครื่องคอยบริการเราอยู่แต่ราคาค่อนข้างสูงทีเดียว 4 คน 500 บาท พาเราไปเที่ยวบริเวณใกล้ วัด ตลาด  บอกได้คำเดียวว่าแพงงงงงง…. 

บรรยากาศก็เหมือนบ้านเราย้อนกลับไป 20-30 ปี อากาศร้อนมากต้นไม้ใหญ่ๆไม่ค่อยมี อยู่ได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรู้สึกคิดถึงประเทศไทยขึ้นมาทันทีทั้งๆที่อยู่แค่ฝั่งตรงข้ามแค่นั้นเอง หลังจากที่คิดว่าไม่มีอะไรน่าสนใจแน่ๆก็เลยเดินทางกลับมาเที่ยวเชียงคานกันดีกว่า ยังไงดูเอเซียขอแนะนำว่าเที่ยวเมืองไทยดีกว่าเยอะ..ใครไม่เชื่อก็ลองดูนะแล้วจะหาว่าไม่เตือน…555 กลับมาถึงรู้สึกว่าเชียงคานสวยกว่าตอนก่อนที่จะข้ามไปลาวอีกเท่าตัวเดินเล่น ชิลชิลชื่นชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมสมัยก่อนที่บางส่วนยังคงอนุรักษ์ไว้อย่างดีแต่ก็มีบางส่วนที่ทำขึ้นมาใหม่เป็นเชิงพาณิชย์มากจนเกินไปแต่มันก็เป็นไปตามความเจริญเติบโตของชุมชนแต่ก็ขอให้อนุรักษ์ของเก่าแก่ไว้ให้ได้มากที่สุดแล้วกัน ช่วงนี้เดินเที่ยวสบายๆ คนไม่เยอะเท่าไหร่แต่อากาศก็ค่อนข้างจะอบอ้าว ไม่เหมือนช่วงที่อากาศหนาวที่เราเดินเล่นอากาศเย็นสบายๆแต่คนจะเยอะมากเหมือนกัน

เดินเล่นกันมานานพอสมควรไปต่างประเทศก็ไปมาแล้วได้เวลากลับที่พักกันแล้ว จากเชียงคานเข้าที่พักก็ใช้เวลาไม่นานนักประมาณชั่วโมงเดียวก็ถึง ระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร มาถึงแล้วรู้สึกเหมือนว่าถึงบ้านเราเอง รู้สึกสบาย ..นั่งเล่นนอนเล่น อากาศเย็นสบายตลอดเวลา  นั่งทานอาหารอร่อยๆกันเต็มที่ เรียกว่ามื้อนี้จัดหนักกันเลยที่เดียว  กินอิ่มนอนหลับสบายวันนี้เราเข้านอนกันเร็วซักหน่อยเพราะพรุ่งนี้เช้าเราต้องตื่นแต่เช้าเพื่อจะไปตักบาตรข้าวเหนียวกันที่วัดป่าม่วงไข่วัดที่อยูใกล้ๆกับที่พักของเราเดินทางไปประมาณ 10-15 นาที ขอแนะนำว่าไม่มีเวลาที่แน่นอนนะว่าจะใส่กันกี่โมงขึ้นอยู่กับแต่ละฤดูกาล ถ้าหน้าหนาวพระอาทิตย์ขึ้นช้า สว่างช้าหน่อยก็จะใส่บาตรกันช้าหน่อย เอาเป็นว่าช่วงนั้นๆพระอาทิตย์ขึ้นกี่โมงก็ไปก่อนซัก10-15นาที วันนี้เรามาถึงกันประมาณตีห้าครึ่งบรรยากาศเงียบสงัดอากาศเย็นสบายๆ พอฟ้าเริ่มสว่างขึ้นๆก็จะมีรถมาทีละคันสองคันจอดเรียงกันจำนวนมากแล้วชาวบ้านก็จะมายืนเรียงแถวกันเพื่อนรอใส่บาตรข้าวเหนียวอย่างเป็นระเบียบสวยงามหลังจากใส่บาตรข้าวเหนียวเรียบร้อยเราก็เดินทางกลับที่พักเก็บข้าวของและรับประทานอาหารเช้าก่อนเดินทางกลับ กทม.แต่ก่อนกลับเราจะแวะไป พระธาตุศรีสองรักหลังจากที่วันแรกเรามาไม่ทันเรียกว่าพอมาถึงก็ไหว้พระ ก่อนเดินทางกลับก็มาไหว้พระธาตุ แบบนี้ก็ดีไปอีกแบบเหมือนกัน

พระธาตุศรีสองรัก

สร้างขึ้นเพื่อ เป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างกรุงศรีอยุธยา(สมัยพระมหาจักรพรรดิ) และกรุงศรีสัตนาคนหุต (ปัจจุบันคือ เวียงจันทร์สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว) กษัตริย์ทั้งสองพระองค์ทรงครองราชสมบัติ ตรงกับสมัยที่พม่าเรืองอำนาจ และมีการรุกรานดินแดนต่าง ๆ เพื่อขยายอำนาจ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิและพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช จึงตกลงรวมกำลัง เพื่อต่อสู้กับพม่า จึงทรงกระทำสัตยาธิษฐานว่าจะไม่ล่วงล้ำดินแดนของกันและกัน และเพื่อเป็นที่ระลึกในการทำไมตรีต่อกัน จึงได้ร่วมกันสร้างพระธาตุศรีสองรักเพื่อเป็นสักขีพยาน ณ กึ่งกลางระหว่างแม่น้ำน่านและแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นรอยต่อของทั้งสองราชอาณาจักร นอกจากนี้ภายในวัดยังมีพระพุทธรูปปางนาคปรก ศิลปะทิเบตหัวนาคปรกสร้างด้วยศิลา องค์พระพุทธรูปสร้างด้วยทองสัมริด มีหน้าตักกว้าง 21 นิ้ว สูง 30 นิ้ว ทุกวันขึ้น 15 เดือน 6 ชาวอำเภอด่านซ้าย หรือ”ลูกผึ้งลูกเทียน” จะร่วมกันจัดงานสมโภชพระธาตุขึ้น โดยจะนำต้นผึ้ง มาถวายพระธาตุถือเป็นประเพณีอันศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดขึ้นประจำทุกปี พระธาตุสร้างขึ้นเพื่อสัจจะและไมตรี หลังจากกราบไหว้พระธาตุศรีสองรักเรียบร้อยเราก็มุ่งหน้ากลับสู่ กทม.กันต่อไป

สำหรับทริปนี้เราเดินทางกันสบายๆ 3 วัน 2 คืน โปรแกรมไม่แน่นจนเกินไปทั้งเที่ยววัดไหว้พระ เที่ยวชมธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติภูเรือ ชมพิพิธภัณฑ์ผีตาโขน และเดินเล่นสบายๆที่ชุมชนเก่าแก่ริมโขงอย่างเชียงคานพักผ่อนสบายๆท่ามกลางธรรมชาติที่สวนชัชนาถเรียกว่าแค่มาถึงที่พักก็แทบจะไม่อยากออกไปไหนกันแล้ว เรียกว่าครบครันมาครั้งเดียวคุ้มกันเลยจริงๆ เพื่อนคนไหนสนใจจะเดินทางตามเส้นทางของพวกเราดูเอเซีย.คอมก็ไม่ว่ากัน

ขอบคุณภาพ ภูเรือ

เชิญแสดงความคิดเห็น