เตาเผาโบราณ บ้านบ่อสวก 750 กว่าปี

0

จ.น่านแม้จะเป็นเมืองเล็กๆ ที่อยู่ตอนบนของประเทศไทย แต่ในอดีต ที่นี่เคยเป็นแหล่งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อยู่หลายอย่าง โดยจะเห็นได้จากหลักฐานการค้นพบ แหล่งอุตสาหกรรมขวานหิน อายุกว่า 4,000ปี ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย ซึ่งพบที่ดอยภูซาง ในจังหวัดน่านนี่เองแต่วันนี้ดูเอเซียไม่ได้พาไปที่ดอยภูซางหรอก แต่จะพาไปที่อื่น 555 หักมุมซะ ที่จะพาไปคือจะพาไปเที่ยวชมแหล่งอุตสาหกรรมอีกแห่งที่พบไม่ไกลจากดอยภูซางนัก นั่นก็คือแหล่งอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผา ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นที่ตั้งของบ้านบ่อสวก และจากการค้นหาข้อมูลของผมก่อนที่จะมาเที่ยวชม พบว่าแหล่งอุตสาหกรรมเครื่องปั้นดินเผานี้ มีอายุถึง 750ปี และที่นี่เป็นแหล่งผลิตเครื่องดินเผาที่สำคัญแห่งหนึ่งในล้านนา มีรูปแบบและประเภทของผลิตภัณฑ์เครื่องถ้วยชามที่มีลักษณะเฉพาะของตนที่แตกต่างออกไปจากแหล่งเตาเผาอื่น ๆ ในล้านนา และในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีการผลิตที่ก้าวหน้ามากกว่าแหล่งเตาเผาอื่น ในระยะเดียวกัน ดังนั้นผลิตภัณฑ์เครื่องเคลือบดินเผาของแหล่งเตาเมืองน่านบ้านบ่อสวกจึงแพร่หลายออกไป ยังท้องถิ่นอื่นในล้านนาจากการเล่าสืบต่อกันมาว่า สมัยก่อนพื้นที่บริเวณนี้ เป็นพื้นที่ ที่อาศัยโดยชาวจีนฮ่อ ที่อพยพมาจากเมืองจีน ซึ่งมีวิถีชีวิตเกี่ยวพันกับการทำเครื่องปั้นดินเผา จึงทำให้เมื่ออพยพมาในบริเวณนี้ ประกอบกับภูมิประเทศที่สมบูรณ์ไปด้วยแหล่งน้ำและดินจึงทำให้ที่นี้กลายเป็นแหล่งเตาเผาที่ผลิตเครื่องถ้วยชามที่สำคัญแห่งหนึ่งในล้านนา

ดูเอเซียได้พูดคุยกับพี่มนัส หรือจ่ามนัส ซึ่งเป็นผู้ดูแลเตาเผาโบราณอีกท่านหนึ่ง (เจ้าของที่) พี่มนัสได้เล่าว่า พี่รู้ว่ามีของโบราณอยู่ในที่แห่งนี้มานานแล้วล่ะ แต่ไม่ได้ทำการขุดค้น กระทั่งเมื่อปี 2542 ได้มีอาจารย์นักโบราณคดีท่านหนึ่ง(ต้องขออภัยที่ดูเอเซียจำชื่อท่านไม่ได้) มาทำการสำรวจที่จังหวัดน่าน โดยพี่มนัสได้เล่าให้ดูเอเซียฟังต่อว่า อาจารย์ท่านนี้ได้พบชิ้นส่วนเครื่องปั้นดินเผาชิ้นหนึ่งที่บริเวณดอยใน อ.อ๋อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ซึ่งดูๆแล้วลักษณะของชิ้นส่วนของเครื่องปั้นดินเผานี้ ไม่น่าจะเจอในบริเวณอ๋อมก๋อยนี้ได้ อาจารย์ท่านนั้นจึงได้เก็บชิ้นส่วนไว้ศึกษาหาที่มาของชิ้นส่วนนั้น กระทั่ง อาจารย์ได้มายังบ้านบ่อสวก และได้มาพักทานน้ำในบ้านพี่มนัส พี่มนัสเลยบอกกับอาจารย์ว่า บ้านผมมีของโบราณอยู่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร จากนั้นก็พาอาจารย์ท่านนั้นไปชม จึงได้รู้ว่าเศษชิ้นส่วนของเครื่องปั้นดินเผาที่อาจารย์เจอที่ดอยอ๋อมก๋อย ได้ผลิตขึ้นที่นี่ เมื่อทราบกันแล้วจึงได้มีการขุดค้นเตาเผาขึ้นในเวลาต่อมา

เตาที่ขุดพบในที่ดินของพี่มนัสนั้นจัดว่าเป็นแหล่งเตาที่สมบูรณ์ที่สุด และมีการขุดค้น พบทั้งหมด 4เตา โดยเตาแรกที่พบจะอยู่บริเวณริมกำแพงรั้ว หากเขาเข้ามาจากประตูบ้านเตาจะอยู่ทางซ้ายมือ เตานี้คุณยาย ได้ตั้งชื่อว่า “เตาสุนัน” เพื่อเป็นเกียรติแก่ลูกสาว พี่มนัสเล่าให้ฟังต่อว่าบริเวณเตาแรกที่พบนี้เมื่อก่อนจะเนินดินและเป็นป่าหนาม ไม่สามารถเขาไปตัดถางได้โดยง่ายจึงปล่อยไว้มาตลอด และพี่มนัสชอบเอาเก้าอี้มานั่งใกล้ๆป่าหนามนี้ เพราะลมจะพัดผ่านเย็นสบายที่บริเวณนี้ แต่ด้วยเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่ว่างๆ ชอบจัดโน่นทำนี่ไปเรื่อยภายในบริเวณบ้าน เลยเข้าไปตัดป่าหนาม บังเอิญว่ามีดได้ไปกระทบกับอะไรบางอย่างที่โผล่ขึ้นมาจากผิวดินแต่พี่มนัสก็ไม่ได้ทำการขุดพิสูจน์ดู แต่พี่ก็เชื่อว่ามีของโบราณอยู่ใต้ดิน จึงทำรั้วกันบริเวณดังกล่าวไว้ จนปี 2542จึงได้ขุดพบเตานี้เป็นเตาแรก เตาสุนันนี้สภาพปล่องควันไม่มีแล้ว และภายในได้เปิดออกเพื่อให้เห็นเครื่องปั้นดินเผาต่างๆในด้านในเตาส่วนเตาที่ 2 ตั้งชื่อไว้ว่า”เตามนัส” ก็ชื่อพี่มนัสเองครับ เตานี้ได้ขุดพบต่อจากเตาสุนัน เตามนัสนี้ไม่ได้เปิดตัวเตาไว้ แต่จะให้เห็นลักษณะภายนอกของเตา สภาพภายนอกดูสมบูรณ์ ปล่องควันก็ยังมีสภาพให้เห็นปากปล่องอยู่ ถัดลงไปด้านท้ายสวนจะมีเตาอยู่อีก 2เตาที่เป็นเตาทำขึ้นมาใหม่เพื่อเผาถ่านไว้ใช้ และอีกเตาเป็นเตาที่ทำขึ้นมาเพื่อไว้เผาเครื่องปั้นดินเผาที่เด็กๆหรือผู้ที่อยากทดลองปั้น เพราะที่นี่พี่มนัสได้ทำเป็นศูนย์เรียนรู้การปั้นดินเผาไว้ด้วย

ถัดไปด้านมุมขวาของท้ายสวน มีเตาโบราณอีกหนึ่งเตา เตานี้จะมีขนาดเล็กกว่า เตาสุนัน และเตามนัส แต่มีสภาพสมบูรณ์อยู่เหมือนกัน ภายในก็เหมือนๆกับเตามนัส และถัดมาใกล้ๆ มุมด้านซ้ายของท้ายสวน ก็มีอีกหนึ่งเตา แต่เตานี้มีสภาพปล่องควันที่สมบูรณ์กว่าสามเตาแรก ตัวเตาได้ถูกผ่าออกให้เห็นผนังของเตาเพียงครึ่งเดียว เพราะอีกครึ่งหนึ่ง อยู่ในบริเวณที่ดินของคนอื่นจึงไม่สามารถขุดได้ทั้งเตา แต่จริงๆแล้วในบริเวณที่ดินของพี่มนัส คาดกันว่ายังมีอยู่อีกหลายเตา แต่ไม่ได้ขุดเพราะเกรงว่าหากขุดไปมากกว่านี้ คนจะไม่มีที่อยู่เอา..555 และในบริเวณบ้านพี่มนัส พี่มนัสได้สร้างพิพิธภัณฑ์ไว้แสดงข้าวของต่างๆ และแสดงถึงวิถีชีวิตของคนพื้นบ้านแถบนี้ โดยพี่มนัสเล่าว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สร้างมาจากไม้เก่าที่ไปขอบริจาคเขามาจากหลายๆที่ และได้สร้างแบบผสมผสาน และเงินที่ได้มาสร้างก็ได้มาจากมูลนิธิของพระพุทธมนต์โชติคุณ และไม้ส่วนใหญ่ที่สร้างหลังคาให้แก่เตาต่างๆก็ได้มาจากไม้ของโรงพยาบาลน่าน ซึ่งเป็นอาคารหลังเก่าที่ถูกรื้อเพื่อสร้างใหม่ เมื่อดูเอเซียถามว่าแล้วพี่เอาเงินจากไหนมาบำรุงรักษาที่แห่งนี้ พี่มนัสบอกว่า “ก็เป็นเงินส่วนตัวทั้งนั้น แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะบ้านเรา ยังไงเราก็ต้องทำอยู่ดี ต้นไม้ใบหญ้ารกรุงรัง เราก็ต้องตัดต้องเก็บอยู่ดี การที่เปิดให้เข้าชมฟรีๆก็เพราะไม่ได้คิดอะไรมาก อยากให้เป็นแหล่งศึกษาประวัติศาสตร์อีกแห่งหนึ่ง และผู้คนที่แวะเวียนเข้ามาในบ้านเราก็ทำให้เราไม่เหงา ได้เพื่อนใหม่ตลอดเวลา” ดูเอเซียขอคารวะและชื่นชมความคิดของพี่มนัสอย่างสุดๆเลยครับ หากใครเข้าไปเยี่ยมชม ถึงแม้เค้าจะไม่เก็บค่าเข้าชม ดูเอเซียว่าเราน่าจะช่วยกันสนับสนุนเขาตามกำลังหน่อยนะ เพื่อที่เราจะได้มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าท่องเที่ยวอย่างนี้อีกนานๆเรื่องลี้ลับ ของเตาโบราณ (อ่านโดยใช้วิจารณญานด้วยนะครับ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล)

คือว่า..พี่มนัสได้เล่าเรื่องราวความเป็นมาต่างๆของเตาแต่ละเตา และพี่มนัสก็ยังได้เล่าเรื่องลี้ลับและความศักสิทธิ์ของเตาให้ดูเอเซียฟังด้วย แต่ก่อนพี่มนัสจะเล่า พี่เค้าเปรยๆขึ้นมาว่า “ไม่รู้สิ หลายๆคนว่าผมบ้า แต่ผมรู้สึกกับตัวผมได้..ว่ามีจริงๆ ใครจะว่าไงก็ช่าง” แล้วพี่เค้าก็เล่าถึงเตาสุนันว่า เตาสุนันนั้นมีสิ่งศักสิทธิ์รักษาอยู่ พี่มนัสรู้สึกได้ทุกครั้งเวลาเข้าไปทำความสะอาดเตา ทำๆไปจะรู้สึกว่าจะมีแม่ชีนุงขาวห่มขาวอยู่ในบริเวณนั้นด้วย (ขณะเขียนอยู่นี้ดูเอเซียยังขนลุกไปด้วยนะเนี่ย) ส่วนเตาจ่ามนัส ก็จะมีฝูงงูเห่าดูแลอยู่ หากใครเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาติ หรือเข้าไปแล้วลบหลู่เตา ฝูงงูเห่าก็จะพากันออกมา พี่มนัสเล่าเรื่องเหตุการณ์แปลกๆให้ฟังต่อว่า เคยมีนักเรียนจากราชภัฏมาเยี่ยมชมกว่า 20คน และได้ลบหลู่โดยการกระทืบเท้าลงบนพื้นดินแรงๆหลายๆครั้ง ซึ่งใต้พื้นดินที่กระทืบกันอยู่นั้นที่ยังมีเตาเผาโบราณอยู่ แต่ยังไม่ได้ขุดขึ้นมา เมื่อนักเรียนทุกคนกลับไป ในตอนกลางคืนทุกคนจะได้ยินเสียงระฆังดังอยุ่ตลอดเวลาจนนอนไม่ได้ รุ่งเช้าต้องพากันมาหาพี่มนัสเพื่อทำพิธีขอขมากันยกใหญ่ และที่น่าขนลุกมากที่สุดคือพี่เค้าเล่าให้ฟังว่า หากช่วงไหนที่พี่ไม่สบาย ในขณะนอนพักผ่อนแบบครึ่งหลับครึ่งตื่นจะมีเหล่านารำใส่ชุดจีนสวยงาม บนหัวนางรำประดับประดาไปด้วยขนนก ทุกคนมารำให้พี่มนัสดูสร้างความสุขให้พี่มนัสเค้าจนหลับไป ขณะพี่มนัสเล่าให้ฟัง ดูเอเซียสังเกตุเห็นพี่เค้าเล่าด้วยสีหน้าที่มีความสุขมาก แต่ผมน่ะขนลุกในกลางวันแสกๆ เลยล่ะครับ..5555“น่าเหลือเชื่อนะครับ เรื่องราวลี้ลับต่างๆ นี้ช่างมีมากมายเหลือเกิน อย่างว่าแหละครับไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวไม่รู้หรอกครับ ผมว่า..ทางที่ดี ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ดีกว่าครับ”

ขอบคุณภาพ sga666.wordpress.com

เชิญแสดงความคิดเห็น