อัมพวาไนท์บาร์ซ่าส์

0

อัมพวาไนท์บาร์ซ่าส์ เสน่ห์แห่งตลาดน้ำที่น่าหลงใหล หลังจากที่ดูเอเซีย.คอมเราได้พาเพื่อนๆไปเที่ยวและรู้จักกับตลาดน้ำอัมพวายามเย็นกันไปแล้ว ความหน้าหลงใหลของอัมพวายังไม่หมดแค่นั้นนะครับ ดูเอเซีย.คอมจึงอยากพาเพื่อนๆ ลองมาเที่ยวตลาดอัมพวายามค่ำคืนดูบ้างครับที่นี่มีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลไม่รู้ลืมจริงๆ ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติต่างก็นิยมที่จะมาหาบรรยากาศสวยงามยามราตรีที่อัมพวาแห่งนี่ไม่น้อยกว่ากลางวันเลยทีเดียวครับพอพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าลง เราก็จะเห็นพ่อค้าแม่ค้าพายเรือลำเล็กบ้างใหญ่บางทยอยพายออกมาที่ตลาดเพื่อขายของกัน ผู้คนก็เริ่มจะคึกคักหนาตาขึ้นไปเรื่อยๆ ดูเอเซีย.คอม เดินเที่ยวบรรยากาศในตลาดน้ำช่างเป็นอะไรที่น่าจดจำมากทั้งบรรยากาศที่สวยงามของบ้านเรือนในตอนกลางคืน และของกินที่มีมากมายหลายหลายอย่างให้เลือก ทั้งอาหารคาวและหวาน ไม่ว่าจะเป็นขนมไทยๆ โบราณๆที่หาทานได้ยาก อย่างเช่น ลูกชุบหลากสีสัน ไส้กรอกโบราณ ขนมกุ้ยฉ่าย ขนมโบราณหน้าตาปลกๆหลายอย่างที่มีทั้งรู้จักและไม่รู้จัก ก็มีให้ทานที่ตลาดอัมพวานี่แหละครับ เห็นขนมพวกนี้แล้วหวนคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ตอนเป็นเด็กจริงๆ  

นอกจากขนมที่หลากหลายแล้ว ยังมีของอร่อยๆ อีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น ผัดไทยกุ้งสด ก๋วยเตี๋ยวโบราณหมี่ผัด ขนมครก หอยทอด นมผักกาดโบราณนี่ก็หาทานยากครับ อาหารทะเลก็มีครับ เช่น ปลาหมึกย่างสดๆย่าง กลิ่นหอมน่าทานจริงๆ กุ้งตัวโตเผากันสดบนเรือเลยครับ ไข่หมึกปิ้ง หอยแครงลวก ฯลฯ สารพัดอาหารทะเลครับ ผลไม้ก็มีให้เลือกซื้อหากันมากมาย ทั้งลิ้นจี่ มะม่วง มะพร้าว มะละกอ กล้วย ส้มโอ ฯลฯ สารพัดผลไม้พายเรือมาจอดให้เพื่อนๆสั่งขึ้นมาลิ้มลองความอร่อยกันได้

ว่าแล้วดูเอเซียก็ชิมไข่ปลาหมึกย่างที่เค้าว่าอร่อยนักหนากันสักหน่อยสุดยอดครับอร่อยจริงๆ และมีโซนตลาดบนบกด้วย ที่สำคัญอาหารการกินที่นี่ก็แสนจะถูกราคาก็ขายกันแบบชาวบ้านๆ แถมด้วยบรรยากาศสบาย ๆ มีเพลงฟัง จากเสียงตามสายของชาวชุมชน นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมทั้งบรรยากาศตลาดริมน้ำและบนบกตรงโซนตลาดได้ สามารถหาซื้ออาหารรับประทานกันได้อย่างจุใจเลยทีเดียว มองดูแล้วได้บรรยากาศวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวอัมพวาที่แสนจะประทับใจบรรยากาศร้านค้าริมตลาดน้ำตอนกลางคืนก็ตกแต่งด้วยไฟสีต่างๆได้อย่างสวยงาม ดูเอเซียเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะเก็บภาพบรรยากาศแสนจะคลาสสิคมาฝากเพื่อนๆให้ได้ชมกัน ไม่ว่าจะเป็น ร้านขายของที่ระลึก  ร้านขายโปสการ์ด และร้านอาหารมุมเงียบๆ ที่เป็นเรือนไม้ตกแต่งได้เข้ากับบรรยากาศเก่าๆ ของตลาดน้ำที่นี่ เห็นบรรยากาศแล้วทำให้ย้อนอดีตกลับไปชื่นชมวิถีชวิตแบบดั้งเดิมของคนที่นี่ เป็นภาพที่ช่างหน้าหลงใหลเสียจริงๆเลยครับ

ที่ตลาดอัมพวาเป็นตลาดเก่าแก่ เมื่อสัก 50-60 ปีก่อนที่นี่ถือเป็นตลาดนัดทางน้ำที่ใหญ่ที่สุดในสมุทรสงครามเลยก็ว่าได้ แต่ก็เหมือนกับตลาดน้ำที่อื่นๆ ก็คือเมื่อการคมนาคมสะดวกขึ้นถนนหนทางถูกตัดผ่านก็ทำให้ตลาดการค้าย้ายไปอยู่ริมถนนกันหมด แต่ชาวอัมพวายังคงที่จะอนุรักษ์รูปแบบการตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนไว้อย่างค่อนข้างสมบูรณ์และปัจจุบันเลยจัดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวจากองค์กรท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง จนมาได้รับรางวัลชุมชนอนุรักษ์ดีเด่นประจำปี 2545 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ช่างน่าภูมิใจแทนคนอัมพวาเสียจริงๆ

ด้วยบรรยากาศที่สวยงามจึงอดใจไม่ได้ที่จะเดินชมบ้านเรือสองฝั่งคลองกันสักหน่อย สองฝั่งริมคลองอัมพวามีทางปูนกว้างขวางและยังสะอาดเรียบร้อยอีกต่างหาก ทอดยาวไปตลอดทาง หรือถ้าจะให้ได้บรรยากาศจริงๆจะลงเรือแจวก็ได้ ค่าบริการเรือคนละ 20 บาท มีเสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัยให้ใส่กันทุกคน แต่ถ้าอยากได้บรรยากาศล่องเรือแบบส่วนตัว เขาก็มีเรือพายนั่งได้ลำละ 2-3 คนจัดไว้ให้เหมือนกัน แต่เรือแบบนี้เนี่ยค่าเรือคนละ 30 บาทใครเห็นแล้วชอบบรรยากาศ อยากมาพักที่คลองอัมพวาจะได้มาลองลงอาบน้ำในคลองกันดู ที่นี่จะมีที่พักแบบ Home Stay เปิดให้พักกันหลายแห่ง สวยๆ ทั้งนั้นเลยครับ

หากได้มาเที่ยวที่ “ตลาดน้ำอัมพวา” ทั้งทีต้องไม่ควรพลาดการ “ล่องเรือชมหิ่งห้อย” โดยเรือจะล่องไปตามคลองอัมพวาไปจนออกแม่น้ำแม่กลอง หากเพื่อนๆมาก็สามารถติดต่อลงเรือได้บริเวณตลาดน้ำอัมพวาได้เลย มีให้เลือกบริการอยู่หลายแห่ง  เรือก็จะออกเวลาพลบค่ำพอดี ระหว่างทางไปชมหิ่งห้อยเพื่อนๆก็จะได้พบกับบ้านเรือนริมน้ำของชาวอัมพวาที่ตั้งเรียงรายอยู่สองฝั่งคลอง เมื่อเรือล่องออกไปได้สักพัก ก็จะเห็นแสงระยิบระยังของหิ่งห้อยเต็มไปหมดที่เกาะอยู่ตามป่าโกงกาง เสียงของหิ่งห้อยก็จะมีสีเขียวออกเหลืองๆ ตัวที่บินว่อนตามพุ่มไม้จะเป็นหิ่งห้อยตัวผู้ ส่วนตัวเมียชอบเกาะนิ่งตามกิ่งไม้ใบไม้มองดูคล้ายๆแสงไฟกระพริบบนต้นคริตส์มาสยังไงยังงัน แต่ถ้าจะชมหิ่งห้อยให้สวยเขาแนะนำให้ไปชมกันในคืนเดือนมืด ไม่ถึงกับต้องเป็นแรม 15 ค่ำ แต่เป็นคืนที่พระจันทร์ยังไม่ขึ้นช่วงหัวค่ำก็เป็นใช้ได้เหมือนกัน

แม้ว่าดูเอเซียดอทคอมจะไม่สามรถเก็บภาพบรรยากาศความประทับใจในการนั่งเรือชมเจ้าหิ่งห้อยตัวน้อยมากฝากเพื่อนๆได้ แต่หากเพื่อนๆมีโอกาสมาเที่ยวที่ตลาดน้ำอัมพวา และอย่าลืมล่องเรือชมหิ่งห้อย มาสัมผัสบรรยากาศด้วยตัวเองแล้วละก็ ต้องประทับอย่างดูเอเซีย.คอมแน่นนอนที่สำคัญอากาศในตอนกลางคืนเย็นสบายเหมาะแก่การมาเที่ยวเป็นที่สุดหรือถ้าหากอยากนั่งดินเนอร์สบายๆ รับสายลมเย็น …ร้านอาหารบรรยากาศดีๆ ริมแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งมีอยู่มากมาย ก็รอให้คุณมาลิ้มรสอาหารทะเลสดๆ รสชาติถึงใจกันแน่นอนครับ อัมพวาที่นี่ยังคงเป็นตลาดน้ำที่นับวันจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเป็นเพราะเสน่ห์หลายๆอย่างของที่นี่เช่นบรรยากาศบ้านเรือนที่ยังคงหลงเหลือความเป็นดั่งเดิมไว้อย่างสวยงาม รอยยิ้มและวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ที่เป็นธรรมชาติและคงไว้ซึ่งความเป็นอยู่แบบชวิตที่พูกพันธ์กับสายน้ำ อาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์และหลากหลายไปด้วยกลิ่นไอ ของความเป็นไทย ทำให้นับวันตลาดน้ำอัมพวาเป็นที่รู้จักกันมากในบรรดานักท่องเที่ยวทั้งหลายทั้งคนไทยและชาวต่างชาติเปิดให้บริการทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ในช่วงเวลาเย็นไปจนถึงค่ำ

นอกจากตลาดน้ำแล้วอัมพวายามเย็นแล้วตอนกลางวันยังมีกิจกรรมให้ทำอย่างเช่นการไหว้พระ ทำบุญ ที่ “วัดแว่นจันทร์” ซึ่งมีโบสถ์ไม้สักอายุกว่าร้อยปี ซึ่งเพิ่งผ่านการบูรณะมา แลดูสดใหม่ แต่ว่ากันว่า รูปลักษณ์ยังคงสถาปัตย์เก่าแก่สมัยต้นรัตนโกสินทร์โน่นทีเดียว ต่อกันที่ “วัดภุมรินทร์กุฎีทอง” มีกุฎีเป็นเรือนไม้สักทองขนาดใหญ่ เขียนลายรดน้ำปิดทองทั้งหลัง โดยพระมเหสีในรัชกาลที่ 1 เป็นผู้สร้างถวายเจ้าอาวาสในสมัยนั้น ตัวกุฎีแต่เดิมมีถึง 3 หลังแต่ถูกน้ำเซาะหายไปเหลือเพียงหลังเดียว ปัจจุบันภายในจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงเครื่องใช้โบราณที่ชาวบ้านเอามาถวายวัดนั่นเอง และไม่ควรพลาดชมอันซีนที่ “วัดบางกุ้ง” ตั้งอยู่บนถนนราชบุรี – วัดโบสถ์ อำเภอบางคนที ซึ่งเป็นบริเวณค่ายบางกุ้ง เดิมเคยเป็นค่ายทหารเรือ สมัยพระเจ้าเอกทัศน์แห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นแหล่งประวัติศาสตร์ ที่มีเรื่องราวของวีรกรรมชาวแม่กลอง …ในบริเวณวัดมีกำแพงจำลองของค่ายอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สระน้ำโบราณอายุประมาณ 400 ปี และพบสิ่งมหัศจรรย์หนึ่งอย่าง ได้แก่ โบสถ์ปรกโพธิ์ เป็นอารามเก่าแก่ คาดว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา ราวปี พ.ศ. 2250-2300 ซึ่งมีต้นไม้ 4 ชนิด คือ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร และต้นกร่าง ค้ำยันแผ่กิ่งก้านคลุมโบสถ์ไว้จนไม่เห็นรูปทรง ภายในโบสถ์เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อนิลมณี (หลวงพ่อดำ) ซึ่งเป็นพระพุทธรูป ปู นปั้นขนาดใหญ่ สวยงามและอัศจรรย์ไม่น้อยเลยนอกจากนี้ เรายังสามารถนั่งเรือข้ามแม่กลองสู่ท่าเทียบเรือบริเวณ “อุทยาน ร. 2” หรือ อุทยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งภายในจัดแสดงศิลปวัตถุและความเป็นอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 2 ทั้งยังมีโรงละครกลางแจ้ง และสวนพฤกษชาติ ซึ่งเป็นสวนพันธุ์ไม้ในวรรณคดีนานาชนิดอีกด้วย มาที่นี่เที่ยวคุ้มค่าจริงๆ

สำหรับการเดินทางไปอัมพวา

รถยนต์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 (ธนบุรี-ปากท่อ) ถึง กม.ที่ 63 เข้าตัวเมืองสมุทรสงคราม ผ่านตัวเมือง จากนั้นเข้าทางหลวง 325 สมุทรสงคราม-บางแพ กม.ที่ 36-37 มาทางแยกซ้ายเข้าไปทางที่จะไปอุทยานฯ ร.2 ตลาดน้ำจะอยู่ใกล้กับอุทยานฯ ร.2 จอดรถบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภออัมพวา หรือ ที่วัดอัมพวันเจติยารามได้

รถทัวร์ปรับอากาศ กรุงเทพฯ ดำเนินสะดวก สาย 996 ลงที่ตลาดอัมพวา รถออกทุก 30 นาที

รถตู้  ก็สายแม่กลอง ลงที่ตลาดแม่กลอง ต่อสองแถวจากหน้าธนาคารนครหลวงไทย ไปอัมพวาอีกทีหนึ่ง ค่ารถก็ 9 บาท

 – ท่าใต้ทางด่วนอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พหลโยธินฝั่งขาออก

– ท่าสถานีขนส่งหมอชิต

– ท่าบิ๊กซี บางปะกอก

– ท่าบางปะแก้ว

– ท่าเมอรี่คิงส์ ปิ่นเกล้า

– ท่าไบเทคบางนา

รถไฟ จากสถานีวงเวียนใหญ่ รอบ 8.30 น. ลงที่สถานีมหาชัย (ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.) จากสถานีรถไฟเดินไปทางตลาด เพื่อไปนั่งเรือข้ามฟากไปท่าฉลอม ขึ้นรถไฟที่สถานีบ้านแหลม – แม่กลอง (ใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 1 ชม. เส้นทางนี้ท่านจะ ได้ชมบรรยากาศนาเกลือขาวสะอาดตา) ลงที่ตลาดเสี่ยงตาย หรือตลาดร่มหุบ ที่มีชื่อเสียงระดับโลก จากนั้นต่อสองแถวสาย แม่กลอง-โรงเจอัมพวา คิวรถจอดหน้า 7-11

เชิญแสดงความคิดเห็น