สีสันอันดามันที่หลีเป๊ะ อาดัง

0

เรื่อง…..สีสันอันดามันที่หลีเป๊ะหลังจากห่างหายจากท้องทะเลมาแสนนาน นับไปนับมาก็ 4 ปี ที่เราไม่ได้แตะน้ำทะเลสักนิดเดียวทั้งที่เมื่อก่อนนั้น ปีหนึ่งล่อไปหลายทริป ทั้งทะเลฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน หลังจากที่ห่างไปนานอย่างนี้ จิตใจก็ยังถวิลหาความงดงามของทะเล โดยเฉพาะผืนทะเลอันดามันนับตั้งแต่หมู่เกาะสุรินทร์ หมู่เกาะสิมิลัน ลงมายังพีพี เกาะลันตา ทะเลตรัง ยันไปถึงทะเลทางด้านสตูล สุดเขตน่านน้ำไทยทางตอนใต้สุดเนื่องจากคำร่ำลือถึงความงามที่เล่าขานของคนรุ่นใหม่ว่า “เกาะหลีเป๊ะ คือ มัลดีฟแห่งเมืองไทย” เหตุไฉนถึงได้มีมุมมองกันอย่างนี้ เราเคยย่ำเกาะมุดทะเลตะรุเตา-อาดัง-หลีเป๊ะ มาหลายครั้ง ก็ยังไม่ได้จินตนการขนาดนี้ แต่ก็ยอมรับว่าหาดทรายขาวๆ น้ำทะเลใสๆ เป็นสีคราม อย่างเช่น เกาะไข่ เกาะอาดัง เกาะหลีเป๊ะ หาดทรายขาวเกาะราวี แม้กระทั่งเกาะรอ-กลอย เกาะเล็กๆที่เราไปเหยียบหนหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่รู้จักชื่อ

ถึงวันนี้ท้องทะเลหมู่เกาะตะรุเตา หมู่เกาะอาดัง-ราวี รวมไปถึงเกาะหลีเป๊ะ ได้จัดว่าเป็นหมู่เกาะที่กำลังเป็นนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะที่เกาะหลีเป๊ะ จะเป็นศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เหมือนๆ กับเกาะเต่า หาดพัทยาด้านหลังเกาะหลีเป๊ะจะเป็นชายหาดขาว มีบังกาโล รีสอร์ท บาร์เบียร์ริมชายหาด มีร้านค้าที่ตอบสนองนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากมาย

เนื่องด้วยทิศทางการท่องเที่ยวเกาะหลีเป๊ะได้เติบโตมากขึ้น พร้อมกับมีการเชื่อมโยงเส้นทางท่องเที่ยวทางเรือจากเกาะพีพี เกาะลันตา เกาะไหง จ.กระบี่, เกาะมุก จ.ตรัง และเกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล ด้วยเรือเฟอร์รี่ที่สามารถขนถ่ายนักท่องเที่ยวไปมาถึงกันหมด โดยที่นักท่องเที่ยวไม่ต้องขึ้นฝั่งแผนดินใหญ่ จะมีลักษณะคล้ายกับเส้นทางท่องเที่ยวจากเกาะสมุย-เกาะพะงัน-เกาะเต่า-ชุมพร

ถึงวันนี้เราได้เดินทางสู่หมู่เกาะอันดามันในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ด้วยเรือเร็วที่ใช้เวลาชั่วโมงครึ่งจากท่าเรือปากบาราไปถึงเกาะหลีเป๊ะ เมื่อก่อนนี้เราต้องใช้เวลาเดินทางอยู่ประมาณ 4-5 ชั่วโมง กับเรือประมงดัดแปลงเป็นเรือท่องเที่ยว

เริ่มต้นจากท่าเรือปากบารา เราจองเรือเที่ยวแรกที่ออกจากปากบาราประมาณ 11 โมง เป็นเรือบันดาหยา คงจะเป็นของบันดาหยารีสอร์ท เรือลำนี้สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ถึง 52 คน เต็มแล้วเต็มเลย ไม่มียืนไม่มีโหน เหมือนกับเรือเร็วอีกรายหนึ่งที่เพื่อนเราจองไว้ (จำชื่อไม่ได้ แต่เขาไปจอดเรือที่เกาะอาดัง) เจอความแย่ๆ สุดแย่ ที่ต้องจำไปอีกนาน เพราะขาไปอัดแน่นประมาณ 70 คน ทั้งที่เรือสามารถบรรทุกได้ประมาณ 40 คน ขากลับก็ต้องยืนห้อยโหนมาตลอดทาง ไม่รู้ว่ากรมเจ้าท่าไปแอบหลบอยู่ที่ไหน เอาเป็นว่าเรือเร็วเจ้านี้คงต้องป่าวประกาศให้ทราบถึงการบริการแบบแย่ๆ ให้ทราบทั่วถึงกัน

การท่องเที่ยว คือ การแสวงหาความสุขกับสิ่งสวยงาม สิ่งที่ดีๆ และความประทับใจกับการตอบรับด้วยสิ่งที่ดีๆ เช่นกัน เพราะฉะนั้นเราก็ถือว่าเป็นความโชคดีที่เราได้เจอกับสิ่งที่ดีๆ โจทย์ที่ตั้งไว้กับการท่องเที่ยว ก็ไม่ได้ตั้งไว้สูงนัก เผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้บ้าง แม้กระทั่งสิ่งที่เราหวั่นวิตกกับพายุที่เข้าฝั่งอันดามันและได้เข้าพม่าเป็นพายุไซโคลนนาร์กีส เราอยู่บนเกาะหลีเป๊ะและท่องทะเลด้วยเรือหางยาว ก็ไม่เห็นวี่แววของพายุแม้แต่น้อย นี่ก็คือ ความโชคดีที่เราได้พบมา

เราจองที่พักไว้ที่เม้าเท่นรีสอร์ท เป็นรีสอร์ทง่ายๆ ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง ด้านล่างเป็นสันดอนทรายขาว มองเห็นทิวทัศน์นน้ำทะเลด้านหน้าระหว่างเกาะหลีเป๊ะกับเกาะอาดัง มองเห็นแนวต้นสนของเกาะอาดัง มองเห็นผาชะโดที่เราต้องขึ้นไปวิวอันงามล้ำ มองเห็นรีสอร์ทอีกรายหนึ่งที่ปลูกสร้างอยู่บนเกาะอาดัง ที่มีข่าววิพากษ์วิจารณ์ว่า ทำนองว่าเกาะอาดังกำลังมีรีสอร์ทเอกชน ทั้งที่เป็นเกาะของอุทยานฯตะรุเตา ด้วยเนื้อแท้ในข้อมูล คือ พื้นที่ชายหาดที่ปลูกสร้างรีสอร์ทนั้น เป็นที่ดินส่วนของที่ดินราชพัสดุ กรมธนารักษ์ ซึ่งเปิดให้เอกชนเช่าปลูกสร้างรีสอร์ทอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ดังนั้นมุมมองความคิดเห็นที่แตกต่างย่อมมีขึ้นแน่นอน แต่สิ่งที่แน่นอน คือ เอกชนรายนั้นกล้าตัดสินใจลงทุนด้วยจำนวนเงินมหาศาล นั่นหมายความว่า ความถูกต้องและความชัดเจน จะเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินใจในการลงทุน อีกมุมหนึ่งเราก็มองว่าสิทธิการเช่าของเอกชนต้องอยู่ในกรอบกฎหมายของกรมธนารักษ์ แถมถูกยันด้วยกฎหมายของอุทยานแห่งชาติอยู่ด้วย เอกชนรายนั้นก็ต้องปฏิบัติให้อยู่ในกรอบกฎหมายที่ชัดเจน  เช่นเดียวกับเกาะนางยวนที่เอกชนได้ทำการเช่าที่ดินทั้งเกาะจากกรมธนารักษ์ ดังนั้นสิทธิของเขาจึงสามารถที่จะเก็บเงินค่าขึ้นสะพาน หรือค่าขึ้นเกาะนั่นเอง……ต้องดูกันต่อไปครับ

เอาเป็นว่าวันแรกเราได้เก็บเกี่ยวบรรยากาศหน้ารีสอร์ทที่มีหาดทรายสวยงาม เช้าวันรุ่งขึ้นเราได้วางแผนถ่ายภาพในมุมที่พิเศษกว่าใครๆ โดยเราตื่นตั้งแต่ตี 5 เดินไปยังหน้าหาดตรงบริเวณโรงเรียน จะมีมุมถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามบาดตาบาดใจนับตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่จากขอบทะเลไกลโพ้น สีสันช่างสวยงามที่สุด เรือหางยาวของชาวบ้านผูกยึดติดเรียงรายเป็นเงาตะคุ่มดำ โดยมีแสงสีจับท้องฟ้าและสะท้อนผืนน้ำอย่างสวยงาม จนเมื่อพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมา ความสวยงามและสีสันทุกอย่างก็เลือนหายไป ถือว่าเช้าวันนี้พระอาทิตย์ขึ้นไม่สวย

หลังจากอาหารเช้าแล้ว เราได้เตรียมตัวออกทัวร์ท่องทะเลหมู่เกาะในละแวกอาดัง-ราวี เราเลือกเส้นทางรอบเล็กก่อน โดยใช้เรือหางยาวของชาวเลบนเกาะหลีเป๊ะ ที่เชี่ยวชาญเรื่องทะเลเป็นอย่างดี  ออกจากเกาะหลีเป๊ะไปชมปะการังจุดแรกที่ ร่องน้ำจาบัง ร่องน้ำจาบังแห่งนี้จะสวยงามเลื่องชื่อด้วยแนวปะการังอ่อนที่มีสีสันสวยงามมากๆ ตรงร่องน้ำจาบัง ใช่ว่าจะได้ดูกันง่ายๆ เสียเมื่อไหร่ ต้องอาศัยตอนน้ำลงสักหน่อย และกระแสน้ำไม่แรงมากนัก จึงจะได้ความปะการังสีสวยสดอย่างเพลิดเพลินใจ และด้วยความห่างหายจากทะเลไปนาน เราจึงไม่กล้าที่จะดำลงไปด้านล่างเพื่อถ่ายภาพปะการัง จึงต้องให้มืออาชีพอย่างบังโหลน มุดน้ำไปแหวกว่ายอยู่ใกล้แนวปะการังอ่อน และฝากกล้องกดชัตเตอร์กลับขึ้นมาด้วย……ก็ได้มาหลายรูป

จากร่องน้ำจาบัง ต่อไปก็เป็นเกาะหินงาม เป็นเกาะที่มีหินสวยงามกองขึ้นมา จนกลายเป็นหาดหินสีดำ หากต้องการถ่ายภาพหินงามให้สวยๆ ก็เอาน้ำทะเลราดให้เปียก ก็เกิดเป็นหินที่มีความมันวาว จะสวยกว่าหินที่ยังไม่โดนน้ำรา

เกาะหินงาม เป็นเกาะที่มีมนต์คำสาปแช่งสำหรับคนที่นำหินออกไปจากเกาะ  ก็จะพบกับภัยพิบัติกับตัวเองหรือกับญาติสนิท จนไม่มีใครกล้าเก็บไป

มุมมองการเที่ยวเกาะหินงาม เดี๋ยวนี้ก็มีรูปแบบกระแสนิยมที่แปลกใหม่ คือ นักท่องเที่ยวนิยมนำก้อนมาวางซ้อนต่อให้สูงขึ้นขึ้น เราจึงเห็นเกาะหินงามมีหินวางตั้งซ้อนๆ กันมากมาย หรืออีกแง่มุมหนึ่ง เป็นแบบวัยรุ่นสักหน่อย ด้วยการนำก้อนสีขาวมาวางเรียงบนก้อนหินสีดำ ให้เป็นรูปหัวใจคู่ มันช่างโดนใจวัยรุ่นวันหวานเสียจริงๆ สำหรับคนวัยดึก ก็พลอยชุ่มชื่นหัวใจไปกับเขาด้วย…….หลังจากที่เหี่ยวแห้งมานาน

ออกจากเกาะหินงามก็ไป เกาะยาง ชมปะการังน้ำตื้นที่สวยงามอีกจุดหนึ่ง แนวปะการังจะมีอยู่ทั้งด้านหลังเกาะ และด้านหน้าเกาะอีกหลายจุด ที่เราใช้เวลาแหวกว่ายชมความงามโลกใต้ทะเลกันเป็นเวลานาน จนเวลาใกล้เที่ยง ไกด์โหลนก็ชวนพวกเราไปยังหาดทรายขาว เกาะราวี ซึ่งจะเป็นพักผ่อนเล่นน้ำชมปะการังที่เยี่ยมยอดอีกแห่งหนึ่ง

ที่หาดทรายขาว เกาะราวี จะเป็นหน่วยชั่วคราวของอุทยานฯ มีเจ้าหน้าที่คอยตรวจดูตั๋วค่าธรรมเนียม มีมุมร้านอาหารเครื่องดื่มเล็กๆ มีห้องน้ำแบบง่ายๆ มีจุดอาบน้ำล้างตัวที่เปิดโล่ง มีสภาพบรรยากาศที่ร่มรื่นด้วยแมกไม้ที่เป็นธรรมชาติ จึงเหมาะเป็นจุดพักเที่ยงทานข้าว จึงมีกลุ่มนักท่องเที่ยวแวะเข้าเที่ยวกันมากมาย

ทางด้านหน้าเกาะเป็นหาดทรายขาว และท่ามกลางผืนน้ำจะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติใต้น้ำ โดยจะมีแนวทุ่นและเชือกให้นักท่องเที่ยวได้แหวกว่ายดำน้ำไปตามแนวเชือก รับรองว่าได้ชมชีวิตโลกใต้ทะเลอย่างครบครัน อย่างเช่น ดอกไม้ทะเล หมู่ปลาการ์ตูนชนิดต่างๆ ปะการังสมอง ปาการังโอ่ง ปะการังสมอง ปลาสวยงามมากมาย ปลาปักเป้า ปลาเก๋า หมึก และชีวิตน้อยใหญ่ที่น่าสนใจมากมาย

ออกจากหาดทรายขาว ไกด์โหลนก็พาไปยังเกาะอาดัง มีหาดเล็กๆ ที่มีแนวปะการังให้แวะชมอีกจุดหนึ่ง ตามโปรแกรมของเราต้องแวะขึ้นเกาะอาดัง เพื่อขึ้นไปชมวิวที่ผาชะโด แต่ก่อนถึงชายหาดหน้าเกาะอาดัง ไกด์โหลนก็พาไปชมกองหินกัลป์ปังหาที่สมบูรณ์ที่สุดจุดหนึ่ง คือสามารถมองเห็นได้จากเรือโดยที่ไม่ต้องลงไปดำน้ำก็ได้

ขึ้นเกาะอาดัง เราก็รีบขึ้นไปยังจุดชมวิวผาชะโด เพื่อให้ทันก่อนที่กลุ่มเมฆมาบดบังพระอาทิตย์ เพราะจะทำให้ภาพอากาศขุ่นมัว ภาพผืนทะเลจะไม่ใสเท่ากับตอนมีแสงแดด แต่กว่าขึ้นถึงยอดเขาที่เป็นจุดชมวิวได้ก็ทำเอาลิ้นห้อย น้ำดื่มที่เตรียมมาก็ใช้ให้เพียงพอ

ระหว่างทางขึ้นก็พบเพื่อนร่วมโลกเป็นเจ้าแย้แสนน่ารัก เมื่อเดินเข้าไปใกล้ มันก็หลบลงรูไปทันที ช่วงสุดท้ายที่นั้นจะชันยาวตลอด จนถึงแนวชะง่อนผาที่เป็นมุมเปิด ก็สามารถมองเห็นทิวทัศน์ผืนทะเลสีครามกว้างใหญ่ มองเห็นเกาะหลีเป๊ะทอดตัวยาวอยู่เบื้องหน้า ตรงข้ามกับเกาะอาดัง พร้อมกับมองเห็นเรือแล่นแหวกน้ำทะเลสีคราม จนเกิดเป็นคลื่นสีขาวตัดกับผืนน้ำสีครามอย่างเห็นได้ชัด

จุดชมวิวผาชะโด จัดว่าเป็นจุดชมทิวทัศน์แห่งท้องทะเลในแถบนี้ จะมองเห็นเกาะอาดังอย่างชัดเจน พร้อมกับแนวผืนน้ำที่มีมิติระดับความลึก เกิดเป็นโทนสีที่แตกต่าง จึงเป็นภาพที่สวยงามน่าชวนชมขึ้นมาเที่ยว แม้ว่าจะเหนื่อยสักหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่าที่สุด

จบทริปท่องทะเลอันดามันในหมู่เกาะตะรุเตา-อาดัง-ราวี ตอนต่อไปจะพาไปเที่ยวทะเลที่ไกลออกไปอีก ค้นหาความงามที่ไม่ควรพลาด

เชิญแสดงความคิดเห็น