สัมผัสรอยอดีต มหาเจดีย์ชัยมงคล เจดีย์แห่งพระเกียรติยศ

0

ช่วงนี้ได้มีโอกาสได้มาเที่ยวชมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หรือเมืองอโยธยา เมืองเก่าเมืองแก่ที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ของบ้านเมืองเรา เพราะที่นี่อดีตเคยเป็นเมืองหลวงของไทยเรา ที่มีความรุ่งเรืองมาก วัดใหญ่ชัยมงคล ก็เป็นโบราณสถานอีกแห่งหนึ่งที่ยังคงไว้ซึ่งความสวยงาม และเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรือง-ความศรัทธาในพุทธศาสนาของบรรพบุรุษเราเมื่อในอดีต

 พระเจดีย์ชัยมงคลwatyaichaimongkol

ถึงอยุธยาที่แรกที่ดูเอเซียแวะเที่ยวชมก็คือ วัดใหญ่ชัยมงคล นี่แหละ ด้วยความที่มองเห็นเจดีย์องค์ใหญ่ และมองเห็นได้แต่ไกล ทำให้อยากรู้ว่าเป็นสถานที่แบบไหนกัน ทำไมถึงได้มีเจดีย์องค์ใหญ่มากขนาดนี้ ด้วยความสงสัย เราไม่รีรอที่จะเดินทางไปเลย ตามเรามาดูกันนะครับ ว่าเจดีย์องค์ใหญ๋นี้มีอะไรพิเศษบ้าง

 

จากบนสะพานนเรศวร มุ่งหน้าสู่วงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้ม แล้วเลี้ยวขวา ขับไปไม่นานนักเราก็ไปถึง วัดใหญ่ชัยมงคล ซึ่งเป็นที่ตั้งของเจดีย์องค์ใหญ่ที่เราตามหานี้ เราสามารถจอดรถได้ทั้งบริเวณด้านหน้าวัด และภายในวัด แต่ถ้าจะให้แนะนำ ผมแนะนำให้ไปจอดในวัดจะดีกว่า เพราะจะมีร่มไม้พอให้เราจอดในร่มได้บ้าง อ่อ..เราคนไทยไม่ต้องเสียค่าเข้าชม แต่ชาวต่างชาติก็คนละ 20บาท ไว้เป็นค่ำบำรุงสถานที่เล็กๆน้อยๆน่ะครับ

 watyaichaimongkol (11) watyaichaimongkol (1)

ทันทีที่ได้ย่างก้าวเข้าประตูไปในประตูด้านใน รู้สึกได้เลยว่าวัดแห่งนี้ เมื่อครั้งในอดีต ผู้คนต้องมีความเลื่อมใส และศรัทธาเป็นอย่างมาก ไม่งั้นคงไม่สามารถสร้างเจดีย์ได้องค์ใหญ่ถึงเพียงนี้ ยิ่งใหญ่และตระกานตามากเลยครับ ความรู้สึกเหมือนเราได้เดินเข้าสู่ประตูแห่งกาลเวลา ย้อนมายังอดีต ด้านซ้าย-ขวา รอบองค์พระเจดีย์ใหญ่ มีพระพุทธรูปปางสมาธิ หันหน้าเข้าหาเจดีย์ แต่ละองค์น่าจะสูงกว่า 2เมตร รายล้อมเจดีย์ นับคร่าวๆน่าจะเป็นร้อย สองข้างหน้าเจดีย์ยังมีพระพุทธรูปปางสมาธิขนาดใหญ่อีก 2 องค์นั่งอยู่ ดูเอเซียมองจากด้านล่าง ดูบันไดที่มีความสูง และชัน คิดอยู่ในใจหากใครพลาดตกลงมาละก็คงจะเจ็บตัวไม่ใช่น้อย ฉะนั้นดูเอเซียขอเตือนหน่อยนะว่าขึ้นลงให้ระวังหน่อยนะครับ

 

ปีนป่าย และถ่ายรูปตามขั้นบันไดมาสักพัก ก็ถึงด้านบนพระเจดีย์ มองลงมาภายในบริเวณ ที่สังเกตุและเห็นได้ชัดเจนคือ ความสะอาดครับ แม้นักท่องเที่ยวจะหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันเข้าชมทั้งวัน แต่ที่นี่ก็ยังไม่เห็นเศษขยะแม้แต่ชิ้นเดียว และด้านบนนี้ เราสามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบๆวัดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และยังสามารถมองเห็นตัวเมืองได้ ดูเอเซียคิดในใจว่าหากเป็นเมื่อในอดีต ที่ตรงจุดที่เรายืนอยู่นี้ คงจะมองเห็นเมืองอโยธยาได้สุดลูกหูลูกตากว่านี้

 บริเวณฐานพระเจดีย์ชัยมงคลwatyaichaimongkol (10)

เมื่อเข้าไปด้านในองค์พระเจดีย์ ด้านในนั้นไม่กว้างนัก รอบๆก็จะมีพระพุทธรูปนั่งอยู่ ส่วนตรงใจกลางของเจดีย์จะมีหลุมลึกพอสมควร ซึ่งผู้ดูแลบอกเราว่าตรงนี้เป็นกรุพระเก่า แต่ตอนนี้ได้เก็บเอาพระออกไปแล้ว กรุนี้ได้ทำลูกกรงครอบไว้เพื่อกันไม่ให้นักท่องเที่ยวตกลงไป เมื่อเที่ยวชมและถ่ายรูปบริเวณนี้จนจุใจ ดูเอเซียก็เดินเที่ยวชมบริเวณภายในวัดกันต่อ ภายในบริเวณก็จะมีวิหารและพระประทานอยู่กลางบริเวณวัด และด้านหน้าใกล้ๆประตูทางเข้า จะมีวิหารพระพุทธไสยาสน์ ที่มีพระนอนสีขาวองค๋ใหญ่ประดิษฐานอยู่

 watyaichaimongkol (9) watyaichaimongkol (8)

จากการที่ได้อ่านจากป้าย ทำให้เราได้รู้ความเป็นมาของเจดีย์องค์นี้อย่างถูกต้อง คื่อ”เจดีย์ชัยมงคล หรือเจดีย์ใหญ่” นี้ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชโปรดให้สร้างพระเจดีย์ชัยมงคลเฉลิมพระเกียรติ คราวชนะสงครามยุทธหัตถี กับพระมหาอุปราชา พ.ศ. 2135 ซึ่งนับว่ามีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์เป็นอันมาก และเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชัยชนะ หลังจากที่กรุงศรีอยุธยาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าเมื่อปี พ.ศ. 2112

 

และดูเอเซียขอยกเอาเรื่องราว ของวัดใหญ่ชัยมงคลนี้ มานำเสนอตามแบบฉบับที่เผยแพร่กัน เผื่อว่า ดูเอเซีย.คอม จะได้เป็นอีกแห่งที่ได้ช่วยส่งเสริม และบอกเล่าส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติไทย ได้อย่างถูกต้องครับ

 watyaichaimongkol (2) watyaichaimongkol (3)

วัดใหญ่ชัยมงคล เดิมชื่อวัดป่าแก้ว หรือ วัดเจ้าไท ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะพระนคร จุดเด่นของวัดได้แก่เจดีย์องค์ใหญ่ที่เชื่อกันว่า ได้รับการปฏิสังขรขึ้นใหม่ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ภายในได้มีการค้นพบชัยมงคลคาถาบรรจุอยู่ ภายในพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชัยมงคล พระประธานที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวัด นอกจากนี้แล้ว ภายในวัดยังเป็นที่ประดิษฐานศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปีพ.ศ. 2544 อีกด้วย

 

สมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อไร แต่คาดว่าประมาณ พ.ศ. 2443 เป็นที่พำนักของพระภิกษุคณะป่าแก้ว ซึ่งมี สมเด็จพระวันรัตน์เป็นประธานสงฆ์ จึงได้ชื่อว่า วัดเจ้าพระยาไทยคณะป่าแก้ว สันนิษฐานว่าเป็นที่กระทำการเสี่ยงเทียน ในคราวก่อนที่พระเฑียรราชาจะทรงปราบดาภิเษก ยึดอำนาจจากขุนวรวงศาธิราชและท้าวศรีสุดาจันทร์

watyaichaimongkol (4) watyaichaimongkol (6)

ในรัชกาลของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นที่พำนักของ สมเด็จพระวันรัตน์ ผู้เป็นพระเถระที่สมเด็จพระนเรศวรทรงให้ความเคารพ ในคราวที่ทรงกระทำยุทธหัตถี ชนะพระมหาอุปราชของหงสาวดี สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกริ้วต่อบรรดาแม่ทัพนายกองที่ตามทัพไม่ทัน ทรงดำริจะลงพระราชอาญาประหารชีวิต แต่สมเด็จพระวันรัตน์ได้ทูลขอพระราชทานชีวิตของแม่ทัพนายกองเหล่านั้นไว้ โดยยกเอาพุทธประวัติตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะบำเพ็ญเพียรอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ก่อนที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ต้องผจญมารอยู่โดยลำพัง เปรียบเสมือนกับสมเด็จพระนเรศวรที่ต้องทรงกระทำยุทธหัตถีโดยลำพัง และได้ทูลแนะนำให้ทรงสร้างเจดีย์ใหญ่ขึ้นแทนการประหารชีวิต สมเด็จพระนเรศวรทรงเห็นด้วยและทรงให้สร้างพระเจดีย์ใหญ่ขึ้น ชื่อว่าพระเจดีย์ชัยมงคลประมาณ พ.ศ. 2135 มีความสูง 1 เส้น 1 วา เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยามาจนทุกวันนี้

 

วัดป่าแก้ว หรือวัดเจ้าไท ต้องร้างลงเมื่อคราวเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ประมาณพ.ศ. 2309 หงสาวดีได้ยกพลมาประชิดพระนครศรีอยุธยา สมเด็จพระที่นั่งสุริยาตรมรินทร์โปรดเกล้า ให้ยกทัพเรือออกจากพระนคร ไปตั้งอยู่ที่วัดป่าแก้ว แต่ทัพเรือสยามเสียทีข้าศึก พระยาเพชรบุรีถูกสังหาร กองทัพหงสาวดีบางส่วนได้ยึดเอาวัดป่าแก้ว หรือวัดเจ้าไท เป็นฐานปฏิบัติการ เมื่อกรุงศรีอยุธยาแตกในพ.ศ. 2310 วัดแห่งนี้จึงได้ร้างลง

 

ยุคฟื้นฟู  หลังจากที่วัดใหญ่ หรือ วัดป่าแก้ว หรือ วัดเจ้าไท ได้ร้างลงกว่า 400 ปี ได้มีพระภิกษุ สามเณร แม่ชี กลุ่มหนึ่ง โดยการนำของพระฉลวย สุธมฺโมได้เข้ามาหักร้างถางพงที่รกเรื้อปกปิดอารามอันเก่าแก่แห่งนี้เพื่อเป็นที่ปฏิบัติธรรมได้ประมาณ 4 ปี ท่านต้องการออกจาริกอีกครั้งจึงได้ไปนิมนต์พระครูภาวนาพิริยคุณ เจ้าอาวาส วัดยม อำเภอบางบาล ให้มาดูแลวัดใหญ่ชัยมงคลต่อ พระครูภาวนาพิริยคุณ ( เปลื้อง วิสฏฺโฐ )ได้นำคณะพระภิกษุสงฆ์ สามเณร และแม่ชี หักร้างถางพง ฟื้นฟูวัดแห่งนี้จนได้รับการยกฐานะจากวัดร้างเป็นวัดราษฎร์ที่มีพระภิกษุจำพรรษา ในปีพ.ศ. 2500 โดยได้ชื่อว่าวัดใหญ่ชัยมงคล ส่วนพระครูภาวนาพิริยคุณ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูภาวนารังสี

 watyaichaimongkol (7)

หากใครที่มีโอกาสผ่านมาจังหวัดอยุธยา ดูเอเซียแนะนำให้แวะเข้ามาเที่ยวชมและสัมผัสบรรยากาศแบบแบบย้อนยุคบ้าง เผื่อเราจะได้มารับทราบเรื่องราวประวัติศาสตร์ของชาติเรา ถึงแม้จะเพียงเล็กน้อย หรือแค่เศษเสี้ยว มันก็อาจทำให้เราเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจต่อบรรพบุรุษซึ่งเป็นต้นตระกูลของเราในอดีตมากขึ้นกว่าเดิม

เชิญแสดงความคิดเห็น