อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ (ใครว่าประวัติศาสตร์ไทยน่าเบื่อ…ไม่จริง!)

0

ทริปนี้พาเพื่อน ๆ เดินทางไปที่อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์  หรือเรียกสั้นๆ ว่า ปราสาทเมืองสิงห์ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทย ชมโบราณสถานแห่งชาติ ย้อนความเป็นวัฒนธรรมในอดีตหนึ่งจังหวัดของเมืองไทย นั่นก็คือ กาญจนบุรีนั่นเองค่ะ แหม๋,, นับว่าได้ฟังได้ชมได้เห็นอะไรไทย ๆ ที่ต่างชาติเค้าอิจฉา กับความงดงามของโบราณสถานของเมืองไทยบ้านเรา อีกทั้งความอลังการของวัฒนธรรมและอดีตที่หาที่ไหนไม่ได้ เราเองเป็นคนไทย ก็ควรจะภูมิใจที่ต่างชาติยังต้องอิจฉาเมืองเรานะคะ แล้วแบบนี้ดูเอเซียจะไม่พามารู้จักที่นี่ได้อย่างไรกัน

head

ก่อนอื่นก็ต้องขอเล่าถึงความเป็นมาของที่นี่ก่อนเลยดีกว่า อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์  หรือปราสาทเมืองสิงห์ ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำแควน้อย ตำบลเมืองสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี  เป็นโบราณสถาน ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกสุดของประเทศไทย ที่ได้รับรูปแบบทางศาสนาและวัฒนธรรมจากประเทศกัมพูชา เมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 18-19 หรือประมาณ 800 ปีมาแล้ว ตัวเมืองมีกำแพงและคูน้ำล้อมรอบ เป็นรูปสี่เหลี่ยมอยู่หลายชั้น ตัวปราสาทเมืองสิงห์เป็นศาสนสถานตั้งอยู่กลางเมือง สร้างขึ้นตามแบบขอม และพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 500 ไร่ และได้ประกาศเป็นโบราณสถานแห่งชาติตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2478 ด้วยเป็นโบราณสถานที่มีคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี โดยเป็นหลักฐานสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงอารยธรรมช่วงหนึ่งของมนุษย์ซึ่งเคยมีบทบาทในดินแดนแถบจังหวัดกาญจนบุรีทางเดินเข้าไปในตัวปราสาทก็มีต้นลีลาวดีเต็มไปหมดเลยล่ะค่ะ ดอกร่วงกราวพื้นเป็นแนวยาว กลายมุมถ่ายรูปชั้นดีมุมแรก ๆ ของนักท่องเที่ยว  ว่ากันว่าปราสาทเมืองสิงห์สร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธศาสนสถานในพุทธศาสนานิกายมหายาน และศิลปกรรมที่สำคัญ คือ พระพุทธรูปนาคปรก พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และ นางปรัชญาปารมิตา นอกจากนี้ยังค้นพบรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรเปล่งรัศมีอีกองค์หนึ่ง รูปลักษณ์คล้ายกับที่พบในประเทศกัมพูชา และปัจจุบันได้นำไปเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครแล้ว

บรรยากาศด้านในปราสาท เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว กลุ่มนักเรียน นักศึกษา โดยเฉพาะช่างภาพ ที่ต่างก็ที่งกับความสามารถของคนโบราณที่สามารถสร้างปราสาท ด้วยหินที่นำมาวางต่อ ๆ กัน ก็กลายเป็นปราสาทใหญ่โตมโหฬาร ทำให้หวนคิดได้ว่า,,, แม้อดีต จะผ่านไปนานแค่ไหน ประวัติศาสตร์ไทย ที่เคยอยู่ในตำราเรียน ก็ไม่ได้จางหายไปเลยทีเดียว เราเองต่างก็ได้แวะเวียนเข้ามาดูเข้ามาชม และเป็นหนึ่งในความภูมิใจของคนไทยจริง ๆ ที่ยังคงได้เห็นอดีตที่เก่าแก่ และสามารถบ่งบอกถึงรากฐานทางวัฒนธรรมของรากเหง้าตนได้เป็นอย่างดี และนี่ก็คงเป็นหนึ่งเหตุผล ที่ต่างชาติอิจฉาเมืองไทยของเรา และต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาชมความอลังการของโบราณสถานไทย ที่เรียกว่าปราสาทหินโบราณ ที่บรรพบุรุษได้สร้างทิ้งไว้ให้ลูกหลานไทยได้ภูมิใจจวบจนทุกวันนี้

นอกจากปราสาทหินกับปางพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่มีให้เราได้ชมและเคารพ สักการะ ก็ยังมีเครื่องไม้เครื่องมือในอดีตที่ถูกค้นพบ ไม่ว่าจะไนลูกปัด ขวานหินขัด และหัวคานหามสำริด ภาพพิมพ์ผนังที่แตกหัก รวมไปถึงหุ่นจำลองพระพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และนางปรัชญาปารมิตา  ที่ได้เก็บไว้ในสถานจัดแสดงโบราณคดี ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวให้ได้ชมกัน บริเวณทางเข้าอาคารจัดแสดงก็จะเต็มไปด้วยชิ้นส่วนของปราสาทที่ผุพังแล้ว ก็นำมาตั้งโชว์บริเวณด้านหน้า และมุมอื่น ๆปราสาทเมืองสิงห์ เป็นทั้งแหล่งโบราณสถานที่สำคัญ  ๆ ของเมืองไทย ที่จารึกความเก่าแก่ด้านวัฒนธรรมของบรรพบุรุษในอดีตไว้ และยังเป็นสถานที่ให้มุมสวย ๆ กับการถ่ายรูปของนักท่องเที่ยวได้ตื่นตา ตื่นใจกับปราสาทหินที่มีมนต์ขลังให้ใครหลายคนที่เดินทางมายังเมืองกาญจนบุรี ต้องเดินทางมาที่ปราสาทเมืองสิงห์แห่งนี้

เพื่อนๆ เห็นแล้วใช่มั้ยคะว่า เมืองไทยมีอะไรดีๆ ตั้งเยอะ ประวัติศาสตร์ไทยไม่ได้มีเพียงในตำราเรียน แต่ยังมีให้เห็นจริง และสามารถเรียนรู้เองได้ อย่างชาวต่างชาติที่ยังต้องอิจฉาเมืองไทย กับความสวยงามของประวัติศาสตร์ โบราณสถาน ทั้งวัฒนธรรม ประเพณีความงดงามของเมืองเรา “เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้นะคะ” และทริปหน้าดูเอเซียจะพาไปเที่ยวที่ไหนต้องติดตามกันเร็วๆ นี้นะคะ

ขอบคุณภาพ www.finearts.go.th

เชิญแสดงความคิดเห็น