ตามรอยพระนางจามเทวี กราบพระดีเมืองล้านนา

0

วันนี้ทางเวปดูเอเซียจะพาทุกท่านไปท่องเที่ยวกับทริป “ตามรอยพระนางจามเทวี กราบพระดีเมืองล้านนา” ทริปนี้จัดขึ้นโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตาก เพื่อเปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ แบบใกล้ชิดธรรมชาติและซึมซาบวัฒนธรรม ฟังดูดีและน่าสนใจใช่มั้ยละครับ

ทริปนี้เราออกเดินทางสู่จังหวัดตากเมืองป่างามเขื่อนใหญ่ พอมาถึงตากเราก็ไม่พลาดที่จะเข้ากราบสักการะขอพรพระเจ้าตากสิน ณ ศาลพระเจ้าตากสินมหาราช จากนั้นจึงเริ่มตามรอยพระนางจามเทวีกันที่อำเภอสามเงา ที่ตั้งของผาสามเงา สถานที่ซึ่งในอดีตกาล พระนางจามเทวีได้เดินทางล่องแพทวนกระแสน้ำปิง เพื่อไปครองแคว้นหริภุญชัย (ลำพูน) ตามคำเชิญของพระฤาษีผู้สร้างเมือง แต่ระหว่างการเดินทางกลับเกิดท้องฟ้าแปรปรวน พายุฝนพัดกระหน่ำ ทำให้คณะเสด็จไม่สามารถเสร็จต่อไปได้ จึงต้องหยุดพักเดินทางบริเวณหน้าผาแห่งนี้ หากแต่พระนางจามเทวีทรงสังเกตเห็นเงาพระพุทธรูป 3 เงา ทอดให้เห็นบนหน้าผา พระนางจึงทรงรับสั่งให้สร้างสถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูป 3 องค์ไว้บนหน้าผานี้ จากนั้นพายุฝนจึงหยุดตกและคณะเสด็จจึงสามารถออกเดินทางต่อไปได้ ภายหลังได้มีการสร้างวัดพระป่าสามเงาขึ้นบริเวณตรงข้าม ซึ่งมีรูปหล่อของพระนางจามเทวีไว้เป็นที่เคารพสักการะบูชาของชาวบ้านและศรัทธาทั่วไป

หลังจากที่เราได้ทำการสักการะพระนางจามเทวี ณ วัดพระป่าสามเงา และกราบไหว้พระพุทธรูปที่ผาสามเงา ก็ได้เวลาดื่มด่ำสำราญกับการล่องแพทวนกระแสน้ำปิง ในบรรยากาศเย็นสบาย สดชื่น ทิวทัศน์สวยงาม รายล้อมไปด้วย ขุนเขา ป่าไม้และสายธาร กับเส้นทางเขื่อนภูมิพลถึงอุทยานแห่งชาติแม่ปิง เราใช้เวลาค้างแรมบนแพ 1 คืน เพื่อศึกษาเส้นทางการเดินทางของพระนางจามเทวี ระหว่างทางเราได้แวะที่วัดพระธาตุแก่งสร้อย เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า และทำบุญถวายภัตราหารแด่พระภิกษุ เดิมทีพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นเมืองหน้าด่านที่รุ่งเรืองของอาณาจักรหริภุญชัยมาก่อนมีวัดมากถึง 99 วัด แต่ปัจจุบันเหลือเพียงวัดพระธาตุแก่งสร้อยเพียงแห่งเดียว ที่เหลือล้วนพังทลายและจมอยู่ใต้น้ำ เราจะสามารถชมโบราณสถานเหล่านี้ได้บ้างในยามที่น้ำลดเท่านั้น พอชมพระอาทิตย์โผล่ทักทายยามเช้า ทำบุญไหว้พระและสูดอากาศบริสุทธิ์กันเรียบร้อย เราก็ได้เวลาล่ำลาพระธาตุแก่งสร้อย และเดินทางกันต่อ โดยจุดหมายต่อไปอยู่ที่ถ้ำช้างร้อง อดีตเคยเป็นศาลาหรือพลับพลาที่ประทับของพระเจ้าตากสินมหาราช ตอนนำทัพขึ้นไปอาณาจักรล้านนา แต่ปัจจุบันมีพระสงฆ์จำวัดอยู่ และมีชาวบ้านมาทำบุญสักการะบูชาอยู่เป็นเนืองนิจ ซักพักจึงออกดินทางยกพลขึ้นบกกันที่ก้อท่า อุทยานแห่งชาติแม่ปิง ซึ่งมีจุดชมวิวที่สวยงามมากๆ เรียกได้ว่าใครมาถึงต้องร้องว้าวกันเลยทีเดียว

จากนั้นเราจึงเปลี่ยนการเดินทางจากแพมาเป็นรถโค้ช เดินทางมุงหน้าสู่อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน จุดหมายคือวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม เพื่อกราบครูบาชัยยะวงศาพัฒนา ที่มรณะภาพแล้วแต่ร่างไม่เน่าเปื่อย ทางคณะเดินทางของเราได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเหล่าเจ้าบ้านน้อย ที่คอยมาให้ความรู้ด้วยความตั้งอกตั้งใจ และยิ้มแย้มแจ่มใสในชุดกะเหรี่ยงพื้นเมือง แต่เป็นที่น่าเสียดายยิ่งเมื่อเราเดินทางมาถึงวัดตอนเกือบจะพลบค่ำ ซ้ำยังมีฝนตกตลอดเวลา จึงทำให้เราไม่สามารถชมความงามได้ทั่วถึง ได้เพียงแต่เข้าไปกราบร่างครูบาชัยยะวงศาเท่านั้นเอง พี่แดง หนึ่งในคณะทัวร์ ผู้เคยมาเยือนที่นี้หลายครั้งหลายคราด้วยว่าหลงเสน่ห์ความงามของวัดแห่งนี้ ได้บอกเล่าอย่างออกรสให้เราได้ฟังว่า ในพระวิหารด้านในจะมีภาพเขียนฝาผนังเรื่องราวของพระนามจามเทวีซึ่งวิจิตรและงดงามเป็นอย่างมาก แต่เราก็พลาดโอกาสเข้าชมเนื่องด้วยเวลาและฟ้าฝนไม่เป็นใจ แต่โอกาสใช่ว่าจะมีเพียงครั้งเดียวซะเมื่อไหร่ละครับ คราวหน้าดูเอเซียคงต้องหาโอกาสมาอีกครั้งแน่นอน ใครที่มีแผนจะเดินทางมาเที่ยวลำพูนแล้วละก็ อย่าพลาด มาที่นี่ให้ได้นะครับ ดูเอเซียคอนเฟริม์  นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีศูนย์พัฒนาโครงการหลวงพระบาทห้วยต้มในความดูแลของมูลนิธิโครงการหลวง ที่ช่วยให้ชาวบ้านเปลี่ยนจากการตัดไม้ทำลายป่า ปลูกฝิ่นขาย มาทำการเกษตรและอื่นๆ ของขึ้นชื่อของที่นี่ มีหลากหลายมาก อาทิเช่น มะม่วงพันธ์นวลดำ เสาวรส งาดำ คะน้าเห็ดหอม  เครื่องเงิน ผ้าทอกะเหรี่ยง และงานจักรสาน ยังไงถ้ามีโอกาสมาเยือน อย่าลืมอุดหนุนกันหน่อยนะครับเดินทางมาไกล ท้องก็เริ่มร้องเรียกหาอาหาร เราจึงเดินทางเข้าสู่อำเภอเมืองลำพูน ที่นี่บรรยากาศเงียบสงบมากครับ ไม่มีเสียงรถมอเตอร์ไซด์แว้นแข่งกันให้รำคาญใจ บวกกับอากาศเย็นๆ และอาหารเหนือเลิศรสที่ร้าน “ครัววันดี” ถ้าใครมาลำพูนแล้วอยากทานอาหารเหนือขอบอกว่าร้านนี้ รสชาติเหนือแต้ๆหน่ะเจ้า ลำขนาด ขนาดไหนนะเหรอครับ ก็ขนาดที่ทำให้นั่งเรอกันเป็นแถบๆเลยละครับ ที่เด็ดสุดๆก็ แกงแคไก่ จิ้นส้มหมกใบตอง(แหนม) ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม แคปหมู ไข่เจียวไข่มดแดงและผักสดสมุนไพรพื้นบ้านมาเป็นตระกร้าๆเลย  พออิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็เข้าทำนอง หนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน เราจึงเดินทางไปเชคอินกันที่โรงแรมลำพูนวิล ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของวัดจามเทวี (วัดกู่กุด) วัดที่มีพระเจดีย์เป็นสี่เหลี่ยมแบบพุทธคยาในประเทศอินเดีย ซึ่งได้บรรจุอัฐิของพระนางจามเทวีไว้

ตื่นรับเช้าวันใหม่กับการนั่งรถรางชมเมืองลำพูนท่ามกลางสายฝนหล่นปราย ออกเดินทางชมความงามของวัดจามเทวี และไปต่อที่อนุสาวรีย์พระนางจามเทวีซึ่งยืนเด่นเป็นสง่าท่ามกลายสายฝน มองแล้วสัมผัสได้ถึงความเข้มแข็งและออ่นโยนในเวลาเดียวกัน เนื่องจากรูปปั้นของพระนางจามเทวีนั้น มือซ้ายถือพระขรรค์บ่งบอกถึงความปรีชาด้านการรบ มือขวาทรงฝายมือเป็นลักษณะของการโปรดสัตว์และให้อภัย ซักพักเราจึงเดินทางไปต่อกันที่วัดพระธาตุหริภุญชัยวัดที่มีพระธาตุเจดีย์ ประจำปีเกิดปีระกา วัดแห่งนี้เป็นวัดขนาดใหญ่ที่ได้รับการทำนุบำรุงมาแต่สมัยโบราณ และถือได้ว่าเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำพูน สถาปัตยกรรมภายในถูกสร้างขึ้นมาอย่างงดงามและยิ่งใหญ่  รถรางออกเดินทางต่อไปยังพิพิธพันธ์สถานแห่งชาติหริภุญไชย ภายในมีการจัดแสดงโบราณวัตถุ 3 สมัย คือสมัยก่อนหริภุญชัย สมัยหริภุญชัย และสมัยล้านนา  รวมทั้งหลักศิลาจารึกที่ค้นพบ รถรางไม่รอช้า เวลาไม่รอใคร รถรางออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป นั่นก็คือวัดที่ขึ้นชื่อได้ว่าสวยงามไม่แพ้วัดร่องขุ่นเลยทีเดียว “วัดสันป่ายางหลวง” ความสวยงามและประทับใจไม่สามารถบรรยายได้หมดจริงๆกับวัดแห่งนี้ หากสร้างเสร็จเมื่อไหร่ความสวยงามคงจะทวีคูณขึ้นไปอีกเป็นแน่แท้  การนั่งรถรางชมเมืองยังไม่จบเพียงแค่นี้ เราได้แวะกราบไหว้ขอพรกู่ช้างกู่ม้า ก่อนไปชมวัดเก่าแก่ วัดพระยืน 1 ในสี่ของวัดสี่มุมเมือง  และปิดท้ายซื้อของฝากติดไม้ติดมือกันที่ร้านไส้อั่วยายปี๋ ไส้อั่วไร้มัน และของฝากอีกมากมาย

ออกเดินทางกันต่อไปยัง อำเภอป่าซางเพื่อเยี่ยมชมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมอญเกาะกลาง ที่นี่ยังมีกลุ่มมอญที่ใช้ภาษามอญหลงเหลืออยู่ พร้อมทั้งชิมอาหารพื้นบ้านของชาวมอญ ขนมจีน แกงขี้เหล็ก แกงกล้วย ลอดชง(ลอดช่อง)ข้าวเกรียบ และผลิตภัณฑ์ที่ทางกลุ่มรวมตัวกันทำเป็นสินค้าOTOP วางจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นข้าวเกรียบทอด มันฝั่งทอด มัน มะเขือเทศ เผือก ฟักทองอบในรสชาติต่างๆ ชาวบ้านระแวกนี้ยังคงอนุรักษ์ภาษาและการแต่งกายแบบมอญไว้ได้อย่างเข้มแข็งน่าชื่นชมเป็นยิ่งนัก ไม่เพียงเท่านี้ที่นี่ยังมีโบราณสถานวัดเกาะกลางโดดเด่นเป็นสง่าคอยเรียกสายตาผู้สัญจรไปมาในเส้นทางนี้อีกด้วย

มุ่งหน้าสู่จังหวัดลำปาง เมืองพี่เมืองน้องของจังหวัดลำพูน ว่ากันว่าเป็นเมืองที่พระนางจามเทวีเคยมาประทับหลังจากที่สละราชสมบัติให้กับโอรส พระเจ้ามหันตยศ ส่วนลำปางหรือเขลางค์นครนั้นครองโดยโอรสฝาแฝดอีกพระองค์ นั่นก็คือ พระอนันตยศ และได้เดินทางมาสักการะวัดพระธาตุลำปางหลวง เราจึงไม่พลาดที่จะตามรอยพระนางจามเทวีมาถึงนี่ ภายในวัดมีพระธาตุประจำปีเกิดปีฉลู และมีวิหารเปิดโล่งที่เก่าแก่ที่สุดอีกแห่งของภาคเหนืองดงามไปด้วยภาพเขียนสีและสถาปัตกรรมไทย อีกทั้งยังมี Unseen in Thailand พระธาตุกลับหัวด้วยนะครับ

ท่านใดที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศมาท่องเที่ยวแบบใหม่ เส้นทางใหม่ๆ ที่ผสมผสานธรรมชาติและวัฒนธรรมในรูปแบบตามรอยประวัติศาสตร์ ท่านไม่ควรพลาดเส้นทางนี้ด้วยประการทั้งปวง สนใจติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตาก โทร. (055)514341-3               

ขอบคุณภาพ www.idotravellers.com

เชิญแสดงความคิดเห็น