หน้าแรก เรื่องแปลก หักนิ้วเท้าสวยแลก…สยอง

หักนิ้วเท้าสวยแลก…สยอง

0

ผมไปพบเรื่องราวของสาวจีนในสมัยโบราณซึ่งเป็นเรื่องแปลกดีครับ จากเว็บ www.jeban.com จึงได้นำเรื่องของหญิงสาวจีนสมัยก่อนที่มีค่านิยมในแบบแปลกๆ มาให้ทราบกันครับ นั้นคือเรื่องเท้าดอกบัวทอง ความงามที่ต้องแลกกับความเจ็บปวดแสนสาหัสของผู้หญิงจีน


ไม่ใช่แค่โจ๊กอำกันเล่น ถ้าจะบอกว่า ที่จีนแผ่นดินใหญ่ในยุคก่อน เท้าที่เล็กพอๆกับซองบุหรี่คือนิยามความงามแห่งอิสตรี

กว่าจะได้เท้าที่เล็กแบบนี้ เหล่าเด็กผู้หญิงจะต้องถูกพันเท้าด้วยกรรมวิธีพิเศษตั้งแต่อายุได้เพียง 3-4 ขวบ เมื่ออวัยวะยังไม่เติบโตเต็มที่  ขั้นแรก เด็กน้อยจะต้องแช่เท้าลงในเลือดสัตว์ผสมกับสมุนไพร…และเมื่อได้ที่แล้ว  ก็ต้องถอดเล็บออกทั้งหมดก่อน  และนิ้วเท้าทั้งแปดจะถูกหักกระดูกลงไปจนพับไปอยู่ใต้ฝ่าเท้าได้ เหลือแต่นิ้วโป้งไว้ ก่อนที่จะพันผ้าให้แน่น ขั้นตอนเหล่านี้ไม่ได้เจ็บปวดทรมานเพียงแค่วันเดียว แต่เด็กผู้หญิงเหล่านั้นจะต้องทุกข์ทนอยู่นาน เพื่อจะแลกกับการเป็นคนงามที่สังคมยอมรับและชื่นชม

กว่าพันปีที่คนจีนเชื่อว่าการไม่พันเท้าให้กับลูกสาวถือเป็นความอัปยศอย่างร้ายแรง  หากลูกบ้านไหนมีเท้าดอกบัวทองแล้ว การมีสามีดีๆรวยๆ ย่อมไม่ไกลเกินฝัน

พวกเด็กน้อยไร้เดียงสาต้องทนกับเท้าที่ถูกหักกระดูกและพันไว้ไม่ให้ได้หายใจอยู่หลายปีจนความเจ็บปวดทุเลาไปเอง

การที่สตรีจีนยึดติดพับการรัดเท้าให้เล็กแหลมผิดรูปมายาวนานนับพันปีนั้น มีที่มาจากเรื่องราวความหลงไหลของกษัตริย์ในราชวงศ์ถังที่มีต่อนางสนมผู้มีความสามารถในการร่ายรำได้อย่างอ่อนช้อยงดงาม  นางมีเท้าเล็กโค้งรางกับพระจันทร์เสี้ยว และใช้ผ้าไหมพันเท้าเล็กๆคู่นั้นร่ายรำบนดอกบัวทอง สร้างความประทับใจให้กับกษัตริย์เป็นอย่างยิ่ง จากนั้นมา การรัดเท้าให้เล็กจิ๋วผิดส่วนกับร่างกายปกติก็ได้อยู่คู่กับชาวจีนมาเนิ่นนาน เพิ่งจะมาเสื่อมลงจริงๆก็เมื่อศตวรรษที่ 20 นี้เอง


เขาว่ากันว่า มันเป็นความชื่นชอบส่วนตัวของผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ทำให้กลายเป็นค่านิยมฝังลึกขึ้นมา  แต่ในขณะเดียวกัน ก็เล่าลือกันว่า เป็นอุบายของผู้ชาย ที่จะป้องกันมิให้นางสนมบริวารหลบหนีออกจากวังได้โดยง่าย (ไม่รู้เหมือนกันว่าเท้าเล็กๆแบบนั้นจจะรับน้ำหนักและทรงตัวได้อย่างไร)  อีกเสียงก็ว่า ถ้ารัดเท้าแล้วจะมีผลทำให้อวัยเพศอวบอูม สามีรักหลง (เฮ้ย เท้าไปเกี่ยวอะไรกับที่นาผืนน้อย!!)

นอกจากความเจ็บปวดแล้ว เรื่องสุขอนามัยยังย่ำแย่ เพราะกว่าจะแก้ผ้าที่พันเท้ามาพันให้สะอาดก็ต้องทิ้งไว้คราวละหลายๆวัน ทั้งกลิ่นเลือดและน้ำหนองจากบาดแผลที่หมักหมมในช่วงแรกๆนั้นคงไม่ต้องบรรยาย เมือแผลทุเลาไปแล้ว กระดูกเท้าก็เริ่มโก่งจนหญิงเหล่านี้ต้องเดินกระโผลกกระเผลกด้วยเท้าเล็กจิ๋วขนาด 3 นิ้ว โชคร้ายก็อาจติดเชื้อจนต้องตัดนิ้วเท้าหรือเสียชีวิตไป


การรัดเท้ามิใช่แค่กระแสที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แต่ครอบงำไปในความคิดประชาชนจีนมาอย่างยาวนาน ในเมื่อเท้าเล็กๆของลูกสาวจะนำพาคู่ครองดีๆมาให้ แม้เด็กหญิงจะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและอ้อนวอนให้หยุดสักเพียงใด แต่ก็ต้องหักกระดูกนิ้วเพื่อความงามตราตรึงใจบุรุษ ในโลกที่มีชายเป็นใหญ่…ความพึงใจทางเพศ กลายเป็นสิ่งชี้ชะตาให้สังคมโน้มเอียงไปตาม แม้ว่าจะแลกด้วยความเจ็บปวดและคราบน้ำตาของผู้หญิงก็ตาม

เท้าเล็กจิ๋วที่เร้าอารมณ์ชายทำให้การรัดเท้าสุดโหดนั้นอยู่คู่สังคมจีนมานาน เด็กๆที่เคยต้องทุกข์ทนกับความเจ็บปวดและสภาพที่กึ่งพิการนั้น ได้เติบโตมาเป็นหญิงผู้มั่นใจในความงามของตน แม้จะจะต้องโขยกเขยกเดินหรือต้องใช้คนช่วยพยุงตลอดนั้น อาจคิดว่าตัวเองสูงส่งกว่าหญิงสาวที่มีเท้าขนาดปกติที่ไม่มีโอกาสได้รัดเท้าเนื่องจากฐานะยากจน ต้องใช้แรงงานและการเดินเหินที่คล่องแคล่ว  และได้แต่น้อยเนื้อต่ำใจที่ถูกเหยียดหยามว่าเป็นพวกชนชั้นต่ำเท้าโต…


โล่งใจที่การรัดเท้าได้เสื่อมความนิยมไปหลายสิบปีแล้ว…และจีนก็มีสาวสวยตัวสูงอย่าง Sui He โลดแล่นบนวงการแฟชั่นระดับโลกบนเท้ายาวเรียวได้อย่างภาคภูมิใจ

ขอขอบคุณเรื่องราวดีๆ http://www.jeban.com/

ร่วมแสดงความคิดเห็น