เที่ยวสงขลา-ปัตตานี

0

ล่องใต้เที่ยวสงขลา-ปัตตานี ถิ่นงาม 3 วัฒนธรรมหากจะกล่าวถึงจังหวัดปัตตานี เพื่อนๆคงจะนึกถึงปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดน ที่ปรากฎเป็นข่าวตามสื่อต่างๆแต่ในความเป็นจริงแล้ว หากใครได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง ก็จะรู้ว่า ปัจจุบันนี้ เมืองปัตตานีเป็นเมืองที่สงบสุขและมีเสน่ห์น่าเที่ยวเป็นอย่างมาก ด้วยความที่เป็นเมืองเก่าแก่ที่ก่อต้งมานานนับพันปี มีประวัติศาสตร์แห่งความเจริญรุ่งเรืองจากการเป็นเมืองท่าที่สำคัญในสมัยโบราณ จึงมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ที่ผสมกลมกลืนอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข อีกทั้งข้าวปลาอาหารที่รอให้เพื่อนๆไปลองลิ้มรสชาติที่แปลกใหม่ ทั้งแบบไทย จีน อิสลาม ทริปนี้ ดูเอเซีย.คอม จึงขอพาเพื่อนๆไปเที่ยวเมืองปัตตานีสักครั้งค่ะไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวใน จ.ปํตตานี โดยเดินทางจากสนามบินไปกับสายการบินนกแอร์ ใช้เวลาเพียงชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ เราเที่ยวกันที่หาดใหญ่ 1 วัน 1 คืน ก่อนจะออกเดินทางสู่จังหวัดปัตตานีในวันรุ่งขึ้น และค้างคืนที่ปัตตานี 1 คืน และร่วมงานมหาสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร

ทันทีที่ไปถึงหาดใหญ่ เราแวะทานอาหารกันที่ร้าน เนินขุมทองการ์เด้น อาหารที่ร้านนี้เป็นแบบไทย มีอาหารอร่อยๆอย่างหมึกไข่นึ่งมะนาว ไก่ทอดสมุนไพร ยำผักกูด ปูนิ่มทอด แต่เมนูขึ้นชื่อของร้านนี้ก็คือขนมจีน ขนมจีนร้านนี้จัดใส่กระจาดรองด้วยใบตอง กับแกงถ้วยเล็กๆ แต่หลากหลายรสชาด ทั้งน้ำยาน้ำพริก น้ำยาป่า แกงไตปลา แกงเขียวหวาน มาพร้อมผักเหนาะที่สดใหม่ จัดลงกระจาดอย่างน่ากิน ตบท้ายด้วยของหวานเป็นเฉาก๊วยโบราณที่เหนียวหนุบเคี้ยวมัน และ “กล้วยหิน” ของอร่อยที่หากินได้ยาก กล้วยหิน เป็นกล้วยเชื่อมสูตรเฉพาะภาคใต้ มีสีเหลืองน่ารับประทาน ออกรสหวานเข้มข้นละลายลิ้น ทานพร้อมกับน้ำกะทิแบบกล้วยบวชชีก็อร่อยไปอีกแบบ

หลังจากที่เติมพลังกันจนเต็มร้อย เราออกเดินทางไป สวนประวัติศาสตร์ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ตั้งอยู่บริเวณเชิงสะพานติณสูลานนท์ ตำบลพะวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เข้าชมหอประวัติ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ภายในหอประวัติแห่งนี้ แบ่งออกเป็นห้องๆ แต่ละห้องเล่าถึงประวัติของพลเอกเปรมในช่วงชีวิตต่างๆ จัดแสดงในรูปแบบนิทรรศการนำเสนอผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัย พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ในวัยเด็ก เป็นเด็กที่ขยันเรียนมาก จนได้รับรางวัลหมั่นเรียน ก่อนจะเดินทางมาเรียนต่อที่กรุงเทพ และเข้ารับราชการทหาร พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ มีบทบาทสำคัญทั้งในด้านการทหาร การเมือง และเศรษฐกิจ ที่ช่วยให้ประเทศไทยรอดพ้นวิกฤตการณ์สำคัญๆหลายครั้ง จนกระทั่งได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐบุรุษและประธานองคมนตรี หอประวัติ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ จึงเหมาะแก่การพาบุตรหลานในวัยเรียนเข้าชมเพื่อสร้างแรงบัลดาลใจในการพัฒนาตนเอง ซึ่งจะเป็นเกราะป้องกันอบายมุขต่างๆที่มีอยู่รอบตัวในสังคมปัจจุบัน

ใกล้กันมีพิพิธภัณณฑ์คติชนวิทยา ตั้งอยู่ที่สถาบันทักษิณคดีศึกษา ไม่ไกลจากสวนประวัติศาสตร์ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ เท่าไหร่นัก ใช้เวลาเดินทางเพียงสิบนาที พิพิธภัณณฑ์คติชนวิทยา เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ ภายในมีวัตถุโบราณ และแบบจำลองแสดงวิถีชีวิตของชาวเมืองสงขลาในอดีต ตลอดจนศิลปะวัฒนธรรมและภูมิปัญญาต่างๆในท้องถิ่น ด้านนอกยังมีหอคอยชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบ 360 แบบองศา มองไปเห็นทะเลสาปสงขลาและสะพานติณสูลานนท์ ข้ามไปอีกฝั่งของทะเลสาป

หลังจากนั้นเราเดินทางไปที่ หาดสมิหลา หาดแห่งนี้มีประฏิมากรรมมากมายตลอดชายหาด แต่ที่สำคัญและเป็นสัญลักษณ์ของชายหาดแห่งนี้คือ พญานาค นางเงือก และแมวกับหนู อันเป็นสัญลักษณ์ของเมืองสงขลา หาดสมิหลาเป็นหาดทรายกว้าง บรรยากาศสบายๆ มีนักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมชมถ่ายภาพอยู่ไม่ขาด ดูเอเซียตระเวณเก็บภาพสวยๆ จนตะวันบ่ายคล้อยสู่ยามเย็น ก็ออกเดินทางต่อไปที่ ย่านเมืองเก่าสงขลา ซึ่งประกอบด้วยถนน 3 สายคือ ถนนนครนอก ถนนนครใน และถนนนางงาม ที่ถนนแห่งนี้เคยเป็นย่านธุรกิจในสมัยโบราณ อาคารบ้านเรือนหลายหลังยังคงอนุรักษ์ไว้ในรูปแบบดั้งเดิม ด้วยสถาปัตยกรรมที่สผมผสานระหว่าง จีน และโปรตุเกส หรือที่เรียกว่า ชิโนโปรตุกีส บางหลังเป็นห้องแถวแบบจีนโบราณ บ้างก็เป็นแบบจีนประยุกต์ เป็นเมืองเก่าที่มีความคลาสสิกเหมาะแก่การเดินเล่นเที่ยวชมมาก สองข้างทางยังมีร้านขนมอร่อยทั้งไทย จีน ฝรั่ง ให้เลือกชิมมากมายเช่น ไอครีมใส่ไข่ ไอครีมถั่วเขียว ซาลาเปาสูตรโบราณลูกใหญ่ ฯลฯ อร่อยมากๆเลยค่ะ ค่ำวันนี้เราทานอาหารกันที่ร้าน Whitechair ตั้งอยู่หลังจวนผู้ว่าราชการจังหวัด ตรงข้ามตำหนักเขาน้อย ถนนชลทัศน์ สงขลา ก่อนกับเข้าที่พักในอำเภอเมืองหาดใหญ่

 

เช้าวันที่ 5 เราออกเดินทางสู่จังหวัดปัตตานี โดยมุ่งไปสักการะ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ที่วัดช้างให้ วัดราษฎร์บูรณะ หรือวัดช้างให้ ตั้งอยู่ที่ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี ชิดกับทางรถไฟสายใต้ (ระหว่างหาดใหญ่-ไปยะลา) ที่วัดช้างไห้แห่งนี้ มีเจดีย์ใหญ่และอุโบสถสวยงาม หน้าวัดมีหลวงปู่ทวดประดิษฐานอยู่ในศาลาสลักลายไทยวิจิตรงดงามอย่างยิ่ง ตลอดเวลามีศาสนิกชนชาวพุทธเดินทางมาสักการะหลวงปู่ทวดอยู่ไม่ขาด

มื้อกลางวัน ของวันนี้ เราทานราดหน้าทะเล ที่ร้านนำรส ร้านราดหน้าชื่อดังของจังหวัดปัตตานี แม้ว่าถนนหนทาง บริเวณหน้าร้านจะโล่งๆ แต่ภายในร้านมีลูกค้าอยู่แน่นร้านเลยค่ะ ราดหน้าของร้านนี้ ใส่เครื่องแบบจัดเต็ม ทั้งปลาชิ้นใหญ่ กุ้งสดตัวโต ปลาหมึก โอ๊ยสารพัด รสชาติอร่อยมีกลิ่นอายของทะเล มาในจานขนาดใหญ่สำหรับ 1 ที่ ทานจานเดียวก็อิ่มแปล้

ตกบ่าย เราเดินทางไปที่มัสยิดกรือเซะ เป็นมัสยิดเก่าแก่ อายุกว่า 200 ปี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้น แต่ในวันนี้ มัสยิดกรือเซ๊ะ เป็นศาสนสถานที่เงียบสงบเป็นที่ประกอบศาสนกิจของพี่น้องมุสลิม มัสยิดกรือเซะแห่งนี้ หากมองจากภายนอก จะเห็นกำแพงเสาประตูเป็นก้อนอิฐแดงๆดูเป็นโบราณสถาน แต่เมื่อเข้าไปภายใน กลับมีการตกแต่งอย่างเรียบร้อย เพดานเป็นไม้อัดฉลุลาย ดูเรียบง่ายแต่สวยงาม กำแพงด้านหนึ่งมีบอร์ดดิจิตอลบอกเวลาประกอบศาสนกิจ บรรยากาศภายในชวนให้จิตใจสงบเป็นอย่างยิ่ง

จากนั้นเราเดินทางต่อไปเที่ยวชมมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี มัสยิดกลางปัตตานีนับเป็นมัสยิดที่สวยงาม และใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นศูนย์รวมจิตใจ และศรัทธาและเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจของผู้นับถือศาสนาอิสลามในภาคใต้ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย ตัวอาคารและบริเวณโดยรอบมีความยิ่งใหญ่อลังการสวยงามมาก ภายในเป็นพื้นและเสาหินอ่อน บรรยากาศเย็นสบาย มีมุสลิมเดินทางมาประกอบพิธีศาสนาสำคัญ คือละหมาดวันละ 5 เวลา คนที่นี่มีไมตรีจิต ยิ้มให้เราอย่างจริงใจ หากเพื่อนๆมีโอกาสมาเที่ยวปัตตานี อย่าลืมแวะมาเที่ยวชมกันนะคะ

 

เวลาประมาณ 4:00น. เราเดินทางไปร่วมงานมหาสมโภชน์เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ที่ศาลเจ้าเล่งจูเกียง งานสมโภชนี้ จัดโดยชาวปัตตานี เป็นประจำทุุกปี โดยจัดกันอย่างอลังการมาก มีการเตรียมงานหลายวัน มีการแสดงต่างๆ เช่น มโนราห์ งิ้ว การแสดงจากเด็กๆจากโรงเรียนต่างๆ ในจังหวัดปัตตานี ในบริเวณงานยังมีร้านค้าขายของต่างๆ ตลอดถนนอาเนาะรู มีผู้เข้าชมงานเป็นจำนวนมาก ดูเอเซียและคณะเที่ยวชมงานอยู่จนถึงเวลา 1 ทุ่ม ก็ออกมาทานอาหารกันที่ภัตตาคารจันทร์เพ็ญ เป็นร้านอาหารไทย-จีน ริมแม่น้ำปัตตานี ใกล้เชิงสะพานเดชานุชิต บรรยากาศริมแม่น้ำสบายๆ

เช้าตรู่ดูเอเซีย.คอมเดินทางไปที่สะพานเดชานุชิต เพื่อเก็บภาพบรรยากาศพธีแห่พระลอยน้ำ ข้ามแม่น้ำปัตตานี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานสมโภชเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว งานแห่พระลอยน้ำนี้ เป็นพิธีที่เด็กหนุ่มจะหามองค์พระเกี้ยวละ 4 คน แห่ข้ามแม่น้ำปัตตานี โดยคนหามและคานหามจะลอยน้ำข้ามไปโดยไม่จมน้ำ เมื่อขึ้นจากน้ำก็จะแห่พระไปตามถนนเพื่อให้ประชาชน ที่ศรัทธาสักการะโดยการตั้งโต๊ะหมู่บูชา จุดธูป เทียนเชิญพระเข้าบ้านที่อยู่อาศัยหรือร้านค้าเพื่อเป็นศิริมงคล แล้วแห่พระกลับไปที่ศาลเจ้าเพื่อทำพิธีลุยไฟ สำหรับพิธีลุยไฟ ซึ่งเป็นพิธีที่สำคัญที่สุดล ในพิธีนี้ เด็กหนุ่มนับร้อยจะหามเกี้ยวที่มีองค์เทพประทับอยู่ เกี้ยวละ 4 คน ทยอยเดินเป็นขบวนเข้าสู่กองไฟที่ลุกโชน และผ่านไปโดยไม่ได้รับอันตราย เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ชมเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งดูเอเซีย.คอม ก็ได้ถ่ายคลิปวีดีโอมาให้ดูกันอย่างจุใจ อย่าลืมคลิกดูกันนะคะ สำหรับมื้อกลางวันของวันนี้ เราทาน “นาซิดาแฆ” อาหารอิสลามที่ท่านผอ ททท นราธิวาส ซื้อมาให้ลองชิม “นาซิดาแฆ” มีลักษณะเป็นข้าวสวยปนข้าวเหนียว รสชาติคล้ายข้าวหมกอร่อยทีเดียวค่ะ

 

ช่วงบ่ายเราเดินทางไปซื้อของฝากกันที่ ตลาดกิมหยง ตลาดสำคัญของเมืองหาดใหญ่ และแวะทานอาหารกันที่ร้าน เนินขุมทองการ์เด้น ก่อนเดินทางกลับ

เชิญแสดงความคิดเห็น