13 สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศอินโดนีเซีย

0

ประเทศอินโดนีเซียเป็นประเทศที่ใหญ่มาก และมีลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่หลากหลายจึงเกิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวมากมายครับ เป็นที่เที่ยวสำหรับทุกคน เด็ก ผู้ใหญ่และคู่ฮันนีมูล ฯลฯ  อินโดฯ มีวัฒนธรรม  มีความสนุก  มีธรรมชาติสวยๆ  มีเอกลักษณ์ที่จะหาไม่ได้จากที่อื่น  เรามาดูกันว่ามีอะไรที่น่าเที่ยวบ้าง

 

ba9

1. เกาะบาหลี (Bali)

คงไม่มีใครไม่รู้จักหรือไม่เคยได้ยินชื่อ เกาะบาหลี เกาะที่ได้รับความนิยมสูงสุดแห่งหนึ่งของโลก และได้รับรางวัลในด้านการท่องเที่ยวมาโดยตลอด อาจเพราะภูมิประเทศที่มีความงดงามความหลากหลาย ทั้งชายฝั่งทะเล ชายหาดในเขตร้อนชื้น นาข้าวที่เขียวชะอุ่มลาดไปตามทางเป็นขั้น และภูเขาไฟตามไหล่เขา ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ ได้สรรค์สร้างทัศนียภาพที่มีฉากหลังอันเป็นสีสันแห่งความงดงาม จิตวิญญาณที่แสนลึกซึ้งและความเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมฮินดู มากไปกว่านั้นผู้คนในประเทศยังมีความเป็นกันเองต่อแขกผู้มาเยือน

แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเยือนที่นี่ ก็เพราะมีชายหาดที่เหมาะกับการเล่นเสิร์ฟ ดำน้ำ และดื่มดำไปกับท้องทะเลอันสวยงามของทีนี้ จนคุณลืมคิดถึงบ้านกันเลยล่ะ

i2

2. วัดบุโรพุทโธ (Borobudur)

วัดบุโรพุทโธ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือห่างออกไป 40 กิโลเมตร ของเมืองยอร์กยาการ์ตา บนเกาะชวา ถูกนับว่าเป็นวัดแห่งศาสนาพุทธที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ซึ่งวัดแห่งนี้ใช้เวลาในการสร้างประมาณ 75 ปี สร้างขึ้นในช่วงประมาณศตวรรษที่ 8 และ 9 ในอาณาจักรไศเลนทรา โดยใช้อิฐบล็อคประมาณ 2 ล้านก้อน สร้างสถานที่ศักสิทธิ์แห่งนี้ขึ้นมาจนมีขนาดใหญ่มหึมา หลังจากนั้นไม่นาน วัดบุโรพุทโธ ก็ถูกทิ้งไว้ไม่ได้รับการดูแล ในศตวรรษที่ 14 ด้วยเหตุใดก็ยังเป็นปริศนาอยู่ และจากนั้นวัดแห่งนี้ก็ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ชั้นขี้เถ้าภูเขาไฟมานับร้อยปี

จนในปี 1814 ก็ถูกค้นพบโดย เซอร์ โทมัส แสตมฟอร์ด ราฟเฟิล และในช่วงระหว่างปี 1975 ถึง 1982 วัดแห่งนี้ก็ได้รับการบูรณะครั้งยิ่งใหญ่ โดยรัฐบาลอินโดนิเซียและองค์การยูเนสโก ซึ่งสถานที่แห่งนี้ยังได้รับการบันทึกว่าเป็น “มรดกโลกที่ใหญ่ที่สุด” ในปี 1991 อีกด้วย

สำหรับสิ่งที่ทำให้วัดบุโรพุทโธดูมีมนต์ขลัง ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เขามาดูความยิ่งใหญ่ของขนาดวัดแล้ว ยังมีสถาปัตยกรรมการตกแต่งอันสวยงาม เช่น จากหินบล็อคที่ได้รับการแกะสลัก ที่บอกเล่าเรื่องราวของพระสุตรา ที่มีฉากบรรยายถึง 1,460 ฉาก และที่น่าสนใจอีกอย่างคือจะมีชั้นของหินที่ถูกซ่อนเอาไว้บริเวณฐานของวัด ที่บอกเล่าถึงเรื่องราวที่มาของการออกแบบวัด จนกลายเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่หนึ่งในอินโดนีเซีย

i5

3. อุทยานแห่งชาติโคโมโด (Komodo National Park)

อุทยานแห่งชาติโคโมโด ตั้งอยู่ใกล้หมู่เกาะซุนดาน้อย ประกอบด้วยเกาะใหญ่ ๆ 3 เกาะ คือ เกาะโคโมโด เกาะริงกา และเกาะปาดาร์ และยังมีเกาะเล็ก ๆ อีก 26  เกาะ ซึ่งชื่อของเกาะนั้นตั้งตามชื่อมังกรโคโมโด สัตว์เลื้อยคลานที่ใหญ่ที่สุดอาศัยอยู่ โดยที่เจ้ามังกรนี้สามารถตัวใหญ่ได้ถึง 3 เมตร หรืออาจยาวมากกว่านั้น และมีน้ำหนักมากกว่า 70 กิโลกรัม แม้ว่ามันจะกินซากศพของสัตว์ที่ตายแล้วก็ตาม แต่พวกมันก็ยังได้ชื่อว่าเป็นยอดนักล่าที่น่าเกรงขาม และยังคงล่าเหยื่ออย่างนกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แต่ไม่ค่อยโจมตีมนุษย์สักเท่าไหร่

i8

4. เกาะกีลี (Gili Islands)

สำหรับ เกาะกีลี เป็นแหล่งพักผ่อนอีกแห่ง ที่นักท่องเที่ยวนิยมมา โดยเป็นเกาะที่มีหมู่เกาะขนาดเล็กอีก 3 เกาะ คือเกาะทราวานกัน เกาะกีลี เมโน และเกาะกีลี แอร์ หมู่เกาะแห่งนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผ่อนคลาย เอนตัวลงนอนพักผ่อนริมหาดทรายขาวนวล และเพลิดเพลินไปกับคาเฟ่ริมหาดที่เล่นดนตรีเร็กเก้คลอเคล้า โดยที่ไม่มีเสียงรถยนต์หรือมอเตอร์ไซด์มารบกวนช่วงเวลาแห่งความสุขแน่นอน

i4

5. โทราจาแลนด์ (Torajaland)

โทราจาแลนด์ เป็นพื้นที่เขตบริเวณที่สูงทางตอนใต้ของเกาะสุลาเวสี ซึ่งเป็นบ้านของชาวโทราจา และในโทราจาแลนด์นี่เองมีบ้านที่เป็นเอกลักษณ์ แถมยังเป็นที่เตะตาแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก คือหลังคาบ้านจะมีขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นมุมแหลม 2 ด้าน เว้าตรงกลางลงมา เป็นที่รู้จักกันในนาม ทองโคนัน (Tongkonan) แต่ความสวยก็ปนมากับความสยอง เพราะบ้านหลังนี้เอาไว้เก็บศพเพื่อทำพิธี หลังจากที่คนตายแล้วก็จะนำร่างมาเก็บไว้ในบ้านนี้อยู่หลายวัน จนกว่าจะถึงพิธีศพ และคนตายก็จะถูกฝังที่รังเล็ก ๆ ในโพรงต้นไม้

i7

6. บูนาเคน (Bunaken)

บูนาเคน ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะสุลาเวสี ซึ่งเป็นที่โปรดปรานของผู้รักท้องทะเลอย่างแท้จริง เพราะเป็นบริเวณที่เหมาะกับการดำน้ำมากที่สุดในอินโดนิเซีย เกาะแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานทางทะเลของบูนาเคน ที่ซึ่งคุณจะได้เห็นเหล่าปลาชนิดต่าง ๆ มากมายกว่า 70 สายพันธ์ที่อาศัยอยู่ทางมหาสมุทรแปซิฟิคตะวันตก โดยที่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการไปดำน้ำที่บูนาเคน คือ ช่วงเดือนเมษายน และเดือนพฤศจิกายน

i12

7. ภูเขาไฟโบรโม (Mount Bromo)

ภูเขาไฟโบรโม อยู่ในเทือกเขาเทงเกอร์ ในทางตะวันออกของเกาะชวา ซึ่งปัจจุบันภูเขาไฟแห่งนี้ยังคุกรุ่นอยู่ โดยปล่องภูเขาไฟมีความสูงอยู่ที่ 2,329 เมตร แม้ภูเขาแห่งนี้จะไม่ใช่ลูกที่สูงที่สุด แต่ก็เป็นภูเขาที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด และเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอีกแห่ง

ส่วนที่ทำให้นักท่องเที่ยวสนใจมาเที่ยว เพราะมีจุดชมวิวที่ดีที่สุดจากยอดภูเขาไฟ มองไปที่ทะเลทรายข้างล่างและวิวรอบ ๆ รวมถึงมารอรับอรุณบนยอดภูเขาไฟอันร้อนแรงแห่งนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ในบางวันศูนย์ภัยพิบัติของอินโดนิเซีย ก็มีการเตือนเรื่องการเดินทางเข้าไปชมภูเขาไฟจอมพิโรธนี้อยู่ และบริเวณปล่องภูเขาไฟนั้นก็ยังคงมีควันสีขาวลอยฟุ้งออกมา โดยที่รอบ ๆ ภูเขาไฟแห่งนี้นั้นล้อมรอบไปด้วยทะเลทราย อันเกิดจากเถ้าถ่านและฝุ่นผงจากการระเบิดของภูเขา

i3

8. หุบเขาบาเลียม (Baliem Valley)

หุบเขาบาเลียม อยู่ในเขตบริเวณที่สูงทางทิศตะวันตกของนิว กินี หากมองแบบเผิน ๆ จะพบว่าที่แห่งนี้คล้ายกับโลกยุคหิน รู้ไหมว่าที่หุบเขาแห่งนี้ ไม่เคยมีใครรู้จักจนกระทั่งปี 1938 มีนักบินลาดตะเวนจากฮอลแลนเดีย มาพบหุบเขาแห่งนี้โดยบังเอิญ โดยที่หุบเขาบาเลียมมีเมืองหลักอย่าง วาเมนา ซึ่งมีคนท้องถิ่นที่เรียกกันว่า ดานี่ อาศัยอยู่ และในทุก ๆ วันจะก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมวัฒนธรรม ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวดานี่ ซึ่งนักท่องเที่ยวก็จะได้รับการต้อนรับอันแสนอบอุ่นจากชนพื้นเมืองเหล่านี้อีกด้วย

i10

9. อุทยานทันจัง พูทิง (Tanjung Puting)

อุทยานทันจัง พูทิง ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียว จังหวัดกาลิมันตัน ในอินโดนิเซีย และเป็นอุทยานที่ได้รับความนิยมจากบรรดาบริษัททัวร์ท้องถิ่นทั้งหลาย ที่นำเสนอทัวร์เดินทางชมโดยเรือ เพื่อชื่นชมชีวิตของสัตว์ป่าและเข้าชมศูนย์วิจัยต่าง ๆ แต่สิ่งที่ได้รับความนิยมสูงสุดของทีนี้ก็คือ เจ้าลิงอุรังอุตัง ที่นักท่องเที่ยวมักจะแห่เข้ามาชมความน่ารักของมันเป็นประจำ

i9

10. ทะเลสาบโทบา (Lake Toba)

ทะเลสาบโทบา ตั้งอยู่บนเกาะสุมาตรา เป็นทะเลสาบที่เกิดในบริเวณปากปล่องภูเขาไฟ มีระยะทางยาวถึง 100 กิโลเมตร และกว้าง 30 กิโลเมตร โดยทะเลสาบโทบาเกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟที่มีความแรงสูงมากระเบิด เมื่อประมาณ 70,000 ปีก่อน กล่าวได้ว่าเป็นปล่องภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้เกิดทะเลสาบสีฟ้าครามแห่งนี้ขึ้นมา ซึ่งนักท่องเที่ยวมักจะชอบมาว่ายน้ำเล่นกันที่ทะเลสาบแห่งนี้

i6

11. มัสยิดอิสติกลัล (The Istiqlal Mosque)

มัสยิดแห่งนี้นับได้ว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1975 ณ มัสยิดแห่งนี้มีห้องสวดมนต์รูปโดมอยู่ด้านบน และสามารถรองรับผู้คนที่เข้ามาได้ถึง 120,000 คน ซึ่งมีการตกแต่งแบบอนุรักษ์นิยม ภายในห้องสวดมนต์ทรงโดมขนาดยักษ์นั้นมีเสาขนาดใหญ่ถึง 12 ต้นเป็นเสมือนฐานรองรับน้ำหนักของมัน  มีประตูทางเข้า 7 ทาง มีน้ำพุตั้งอยู่ที่ชั้นใต้ดิน มีห้องสวดมนต์หลักอีกห้องและลานขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บริเวณชั้นหนึ่ง

ในส่วนของการตกแต่ง ก็มีชาวมุสลิมบางคนในอินโดนิเซียบอกว่าโครงสร้างของโดมและหอคอยสุเหร่านั้น ดูแนวโมเดิร์นและอราบิกมากเกินไป อย่างไรก็ดี คนส่วนใหญ่หรือนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดว่ามันเป็นสถานที่ ๆ ดูมีมนต์ขลังมาก และในช่วงวันอิดุลฟิตริ (Idul Firti) และอิดุลแอดหา (Idul Adha) จะมีผู้คนจำนวนมากเข้ามาสวดมนต์ในที่แห่งนี้ และถือว่าเป็นวันที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งปี

i1

12. วัดพรัมบานัน (Prambanan Temple)

วัดพรัมบานัน หรือเป็นที่รู้จักสำหรับคนท้องถิ่นว่า โรโร จองกรัง (Roro Jonggrang) ถือว่าเป็น 1 ในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยที่จะมีแท่นบูชาหลัก 3 ที่ ซึ่งอุทิศให้แก่ เทพเจ้าฮินดู 3 องค์ ได้แก่ พระพรหม พระศิวะและ พระวิษณุ สำหรับผู้มาเยี่ยมชมและนักท่องเที่ยวทั้งหลายนั้นจะได้รับอนุญาตให้เข้าชมเป็นบางส่วนเท่านั้น เพราะบางส่วนได้รับความเสียหายจากในอดีต แต่ที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง คือการชมพระอาทิตย์ขึ้นบริเวณหลังวัดแห่งนี้ เวลาประมาณตี 5 ที่เหมาะที่สุดในการชม

i11

13. เกาะสุลาเวสี (Sulawesi)

ชื่อเดิมหรือชื่อที่เป็นที่เรียกกันส่วนใหญ่ของ เกาะสุลาเวสี นี้คือ “เกาะกล้วยไม้” เกาะแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างเกาะบอร์เนียวและเกาะมาลูกู ชาวเมืองสุลาเวสีขึ้นชื่อลือชาในเรื่องความสามารถทางด้านงานศิลปะต่าง ๆ เช่น เครื่องปั้นดินเผา การทอผ้าและการเต้นรำ และเรื่องที่พวกเขาทำได้อย่างยอดเยี่ยมมากคือ การทอผ้าที่ต้องอาศัยความประณีตมาก ทั้งหมดนี่คือเสน่ห์ที่ทำให้ใคร ๆ ต่างก็อยากไปสัมผัสเกาะสุลาเวสี

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
infobarrel.com, anthoindo.blogspot.com, thinktravel.asia, panoramio.com, wayfaring.info, anna-world.com,และ  travel.kapook.com

เชิญแสดงความคิดเห็น